นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ที่ได้มอบหมายให้กรมสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยในประเทศต่างๆ ล่าสุดได้รับรายงานจากนางสุภาพร สุขมาก ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ เวียดนาม ถึงโอกาสการลงทุนธุรกิจโลจิสติกส์ในเวียดนามของนักลงทุนไทย เพื่อรองรับการขยายตัวของความต้องการคลังสินค้าและการขนส่งที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันบริษัทโลจิสติกส์รายใหญ่ ได้เดินหน้าขยายการลงทุนในเวียดนาม รองรับการค้าและการขนส่งที่เพิ่มขึ้น เช่น บริษัท SEKO Logistics ของสหรัฐ บริษัท DHL Express และเครือ Imex Pan Pacific Group ซึ่งเป็นเครือนำแบรนด์ระดับโลก เช่น Burger King และ Calvin Klein มีความต้องการพัฒนาศูนย์โลจิสติกส์ในเมืองทู๋ดึ๊ก พร้อมกับการเปิดตัวสายการบิน IPP Air Cargo ส่วนบริษัท MSC Vietnam ต้องการสร้างท่าเรือแบบถ่ายลำในอำเภอเกิ่นเส่อ ที่เป็นอำเภอชายฝั่งทะเลของนครโฮจิมินห์

จากการศึกษา พบว่าอุตสาหกรรมโลจิสติกส์มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนาม โดยการเติบโต 14-16% ต่อปี และมีมูลค่า 4-4.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ แม้จะมีข้อบังคับทางกฎหมาย ขณะที่บริษัทโลจิสติกส์ภายในประเทศ ส่วนใหญ่มีขนาดเล็กด้วยคลังสินค้าแบบดั้งเดิม ขาดโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และเงินทุน และยังพบว่า พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไปใช้อี-คอมเมิร์ซโลจิสติกส์ ทำให้จำนวนธุรกิจอี-คอมเมิร์ซเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ความต้องการบริการคลังสินค้าและบริการจัดส่งเพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ของไทยในการขยายตลาดและร่วมมือระหว่างประเทศ

“เวียดนามถือเป็นหนึ่งในตลาดโลจิสติกส์ที่น่าดึงดูดที่สุดสำหรับบริษัทรายใหญ่ ด้วยเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตและการบริโภคภายในประเทศของชนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น ทำให้เวียดนามกลายเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของโลก ไม่เพียงแต่สำหรับการขนส่งภายในประเทศเท่านั้น จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการและนักลงทุนไทยในการเจาะตลาดธุรกิจโลจิสติกส์ เช่น ธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น เพื่อตอบสนองความต้องการด้านโลจิสติกส์ที่มีแนวโน้มการเติบโตมากในเวียดนาม” นายภูสิตกล่าว