นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่ากรมฯร่วมกับคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี และแอนิเมชัน เดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมบันเทิงไทยสู่ตลาดโลกโดยนำทัพผู้ประกอบการไทย 12 บริษัท เข้าร่วม Thailand Pavilion ในงาน Asian Contents & Film Market 2025 (ACFM) ระหว่างวันที่ 20 – 23 กันยายน 2568 ณ ศูนย์แสดงสินค้า BEXCO เมืองปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี พร้อมตอกย้ำศักยภาพ Soft Power ไทย ที่พร้อมแข่งขันในเวทีระดับนานาชาติ

 “ACFM เป็นหนึ่งในเวทีที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในการผลักดันอุตสาหกรรมบันเทิงไทยให้ก้าวสู่ระดับสากลอย่างยั่งยืน DITP มีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้ใช้คอนเทนต์เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยเฉพาะการนำเสนอเนื้อหาที่สะท้อนอัตลักษณ์ไทยผ่านภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ และแอนิเมชัน เพื่อสร้างการยอมรับในระดับโลก เชื่อมั่นว่าการเข้าร่วมงานครั้งนี้จะไม่เพียงช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศ แต่ยังเป็นการต่อยอดความร่วมมือกับพันธมิตรต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม”

ปีนี้ DITP คัดเลือก 12 บริษัทชั้นนำของอุตสาหกรรมบันเทิงไทย เข้าร่วมกิจกรรมจับคู่เจรจาการค้าภายใต้ Thailand Pavilion แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1.กลุ่มบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์และวีดิทัศน์ประกอบด้วยบริษัท จังก้า พลัส สตูดิโอ  บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า    บริษัท โชริวเคน โปรดักชั่น   บริษัท ณ๊อบ โปรดักชั่นส์    บริษัท ทีวีพูล กรุ๊ป  บริษัท เบนีโทน ฟิล์มส์    บริษัท โมโน สตรีมมิ่ง บริษัท เอ็ม ดิสทริบิวชั่น

2.กลุ่มบริษัทผู้ให้บริการเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์และวีดิทัศน์  ได้แก่บริษัท กันตนา โพสท์ โปรดักชั่น (ไทยแลนด์)

3.กลุ่มบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรายการและละครโทรทัศน์ ประกอบด้วยบริษัท ธีมเวิร์ค สตูดิโอ   บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น    บริษัท เอฟอาร์ที เอนเตอร์เทนเมนท์

“DITP วางเป้าหมายให้อุตสาหกรรมบันเทิงไทยเป็นผู้นำในเอเชียภายในปี 2570 โดย ยังคงเดินหน้าเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยทุกระดับให้เข้าร่วมเวทีสำคัญระดับโลกอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2569 อาทิ FILMART (ฮ่องกง), Marché du Film (ฝรั่งเศส), TIFFCOM (ญี่ปุ่น), AFM (สหรัฐอเมริกา), MIP CANCUN (เม็กซิโก), ATF (สิงคโปร์) และ Content Americas (สหรัฐอเมริกา) โดยไม่จำกัดเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ แต่เปิดกว้างให้ผู้ประกอบการทุกระดับ โดยเฉพาะ SMEs ให้เข้าถึงตลาดต่างประเทศได้อย่างเท่าเทียมการเข้าร่วม ACFM 2025 จึงไม่เพียงเป็นการขยายตลาดที่คาดว่าจะสร้างมูลค่าทางการค้ากว่า 900 ล้านบาท แต่ยังเป็นการยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศผ่านการใช้พลัง Soft Power อย่างมีกลยุทธ์ พร้อมต่อยอดสู่โอกาสทางการค้าใหม่ ๆ ในฐานะศูนย์กลางคอนเทนต์คุณภาพของเอเชีย”