วันที่ 10 ส.ค. 65 เวลา 10.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์  ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  และนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่างสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กับ กรุงเทพมหานคร  โดยมีคณะผู้บริหารร่วมในพิธี จากนั้นได้ร่วมเสวนา "จับมือเดินหน้าร่วมแก้ไขปัญหาให้ประชาชน สผผ. & กทม." ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) เขตพระนคร

บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสผผ.กับกทม.ฉบับนี้ เกิดขึ้นจากเจตนารมณ์ของทั้งสองหน่วยงานที่มีเป้าหมายในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ และการแก้ไขความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะบูรณาการการทำงานและประสานความร่วมมือใน 5 ด้าน คือ 1. ด้านการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนเร่งด่วน FAST TRACK OMB & BMA เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างเร่งด่วนและมีประสิทธิภาพ  โดยกทม.จะมอบหมายให้ผู้ประสานงานระดับพื้นที่ ได้แก่ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตสั่งราชการฝ่ายปกครองเป็นผู้ประสานงานระดับสำนักงานเขต และเลขานุการสำนักเป็นผู้ประสานงานระดับสำนัก โดยเข้าร่วมกลุ่มผ่านแอปพลิเคชันไลน์ เพื่อเป็นช่องทางในการติดต่อระหว่างสองหน่วยงาน รวมทั้งช่องทางอื่น ๆ เช่น โทรศัพท์ โทรสาร E-mail เป็นต้น สำหรับประชาชนที่ประสบปัญหา มีความเดือดร้อน หรือเป็นผู้พบเห็นปัญหา สามารถแจ้งผ่านระบบ Line Official: “OMB FAST TRACK BMA” หรือ โทรสายด่วน 1676 (ไม่มีค่าใช้จ่าย)  

2. ด้านการประชาสัมพันธ์บทบาทหน้าที่และอำนาจของทั้งสผผ.และกทม. เป็นการจัดกิจกรรมในรูปแบบการออกหน่วยประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่ พร้อมให้บริการปรึกษาปัญหาทางกฎหมายและรับเรื่องร้องเรียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั่วทั้ง 50 เขตในกรุงเทพฯ ที่ผ่านมาได้นำร่อง 4 เขต คือ เขตสวนหลวง ทวีวัฒนา ประเวศ ดินแดง ได้ผลตอบรับดีทำให้ประชาชนเกิดทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการทำงานของหน่วยงานรัฐ เข้าใจระบบ ระเบียบ ขั้นตอนการปฏิบัติงานมากขึ้น ครั้งต่อไปกำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 21 ส.ค. เขตภาษีเจริญ และวันเสาร์ที่ 24 ก.ย. ที่เขตพระโขนง 3. การสร้างเครือข่ายความร่วมมือในระดับชุมชน  มุ่งสร้างเครือข่ายระดับชุมชนในรูปแบบกิจกรรมประชาชนคนทำดี จัดอบรมผู้แทนภาคประชาชน อาทิ ประธานชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุข อปพร. แกนนำองค์กรชุมชนผู้นำสตรี ผู้นำศาสนา และชมรมผู้สูงอายุในพื้นที่ โดยให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการมีส่วนร่วมต่อการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐ และส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมในการเสนอแนะกลไกในการส่งเสริมธรรมาภิบาล ซึ่งจะจัดกิจกรรมนำร่องในพื้นที่เขตสวนหลวงเป็นเขตแรก ในวันเสาร์ที่ 17 ก.ย.นี้

4. การสร้างเครือข่ายความร่วมมือในระดับเยาวชน จัดกิจกรรม “เยาวชนคนดีเพื่อสังคม” อบรมให้ความรู้เยาวชนกว่า 100 คน จาก 50 เขตเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการมีส่วนร่วมต่อการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐ และส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมในการเสนอแนะกลไกในการส่งเสริมธรรมาภิบาล และการปฏิบัติงานเพื่ออำนวยความเป็นธรรมแก่ประชาชน เพื่อเป็นกระบอกเสียงขับเคลื่อนให้เกิดการแก้ไขปัญหาในชุมชนตนเองได้ และ 5. การแก้ไขปัญหาส่งเสริมวินัยทางจราจรและทางม้าลาย โดยร่วมกับสสส.ให้เป็นแกนหลักในการรณรงค์ ทั้งกลุ่มผู้ขับขี่ ห้างร้าน และประชาชนผู้เดินถนน 

ด้านนายชัชชาติ  สิทธิพันธุ์  ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า การ MOU ร่วมกับสผผ.วันนี้ ถือเป็นมิติที่ดีในการบูรณาการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนชาวกรุงเทพฯ จากปัจจุบันที่ กทม. ได้นำเทคโนโลยีระบบ Traffy Fondue มาใช้รับเรื่องร้องเรียนปัญหาเส้นเลือดฝอยจากประชาชน ทำให้ผู้รับผิดชอบรับทราบปัญหาได้เร็วเพื่อที่จะเข้าไปแก้ไขได้รวดเร็วและแก้ได้มากขึ้นโดยไม่ต้องรอให้ผู้ว่าฯสั่งการ  ซึ่งการประสานความร่วมมือกับสผผ.จะยิ่งเสริมให้การแก้ไขปัญหามีความครอบคลุม รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยการออกไปประชาสัมพันธ์เชิงรุกถึงในชุมชนเพื่อรับฟังปัญหาจากปากพี่น้องประชาชน
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า สผผ.ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือในการปฏิบัติงานเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและการแก้ไขความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมให้กับประชาชน ประชาชนที่เดือดร้อน ประสบปัญหาเอง หรือเป็นผู้พบเห็นปัญหา สามารถแจ้งผ่านระบบ Line Official: “OMB FAST TRACK BMA” หรือ โทรสายด่วน 1676 (ไม่มีค่าใช้จ่าย) สผผ.จัดหน่วยเคลื่อนที่เร็วลงแก้ปัญหาทันที ซึ่งที่ผ่านมาแก้ปัญหา เช่น น้ำ-ไฟภายในไม่เกินสองวัน 

นายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่สผผ.ได้ลงพื้นที่พบปะชุมชนและหน่วยงานต่างๆ ถือเป็นดำเนินงานเชิงรุก สำหรับแนวทางในอนาคตนั้น ทั้งสององค์กรจะร่วมกันขยายความร่วมมือในด้านอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและส่วนรวมอย่างต่อเนื่อง เช่นการแก้ไขปัญหาเชิงระบบเกี่ยวกับความเดือดร้อนหรือผลกระทบในด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ การจัดการขยะ ปัญหาความปลอดภัยและสวัสดิภาพของประชาชน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมด้วยช่วยกันขับเคลื่อนให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่น่าอยู่ และเป็น Smart City