นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือนกรกฎาคม 2565 ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง มีมูลค่า 23,629.3 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.3% เป็นการขยายตัวเป็นบวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 17 คิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 829,028.8 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 17% ส่วนยอดรวม 7 เดือนของปี 2565 (มกราคม-กรกฎาคม) มีมูลค่า 172,814.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น11.5% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 5,774,277.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.2%
ปัจจัยบวกที่ช่วยสนับสนุนการส่งออก มาจากความต้องการอาหารจากทั่วโลกยังเติบโตต่อเนื่อง ทำให้สินค้าเกษตร อาหาร ยังส่งออกได้ดี โดยเฉพาะการส่งออก
เนื้อสัตว์ปีก การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 และการผ่อนคลายประเทศให้มีการท่องเที่ยว ทำให้สินค้าบางส่วน เช่น อัญมณีเครื่องประดับ เครื่องสำอาง สบู่ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเครื่องนุ่งห่ม อุปกรณ์การเดินทางขยายตัวได้ดีขึ้น ค่าระวางเรือมีแนวโน้มลดลง ความหนาแน่นและความล่าช้าลดลง ในการขนส่งบริเวณท่าเรือสำคัญของโลก ที่ทำให้ระบบการขนส่งคล่องตัว ไม่เป็นอุปสรรคในการส่งออก และค่าเงินบาทยังอ่อนค่า ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้านราคาของสินค้าไทยในตลาดโลก โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหาร
การส่งออกในเดือนกรกฎาคม 2565 สินค้าเกษตรลดลง 0.3% เพราะปีนี้ผลไม้สด หมดฤดูกาลเร็ว จึงไม่มีของส่งออก จากช่วงก่อนหน้านี้ แต่สินค้าเกษตรอื่นๆ ยังเพิ่มขึ้น เช่น ผลไม้แช่แข็งและผลไม้แห้ง เพิ่ม 94.3% โดยเฉพาะทุเรียนแช่แข็ง เพิ่ม 126.2% ลำไยแห้ง เพิ่ม 66.3% ไก่สดแช่เย็นแช่แข็งและแปรรูป เพิ่ม 35.5% ข้าวเพิ่ม 21.5% ยางพารา เพิ่ม 12% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 38.1% เช่น น้ำตาลทราย เพิ่ม 258.8% ไอศกรีม เป็นดาวรุ่งตัวใหม่ เพิ่ม 34.2% บวก 26 เดือนต่อเนื่อง อาหารสัตว์เลี้ยง เพิ่ม 25.4% บวก 35 เดือนต่อเนื่อง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป เพิ่ม 17.3% อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เพิ่ม 16.4%
สินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวแค่ 0.1% เพราะมีปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ที่เกิดกับอุตสาหกรรมทั่วโลกทำให้มีผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าที่ต้องใช้ชิพ แต่ก็ยังมีหลายสินค้าที่ส่งออกได้เพิ่ม เช่น เครื่องโทรสาร โทรศัพท์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่ม 34.6% เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เพิ่ม 25.5% ผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม เพิ่ม21.4% อัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่ม 19.1% เครื่องสำอางสบู่และผลิตภัณฑ์รักษาผิว เพิ่ม 13.6% เครื่องนุ่งห่ม เพิ่ม10.7%
ทางด้านการค้าชายแดนและผ่านแดนซึ่งเป็นการส่งออกชายแดนไปยัง 4 ประเทศ มาเลเซีย เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา มีมูลค่า 51,665 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
27.80% และรวม 7 เดือน มีมูลค่า 376,074 ล้านบาท เพิ่ม 19.9% ส่วนการส่งออกผ่านแดนไปจีน เวียดนาม และสิงคโปร์ เดือนกรกฎาคมมีมูลค่า 36,123 ล้านบาท ลด 27.30% รวม 7 เดือน มูลค่า 218,541 ล้านบาท ลด 21.16%
จากการติดตามสถานการณ์ส่งออก ประเมินว่าทั้งปียังเป็นบวก เพราะกระทรวงพาณิชย์จะจับมือกับภาคเอกชนร่วมมือกันแก้ปัญหาและจะเพิ่มแผนงานและกิจกรรมต่างๆ ให้มากขึ้น เพื่อทำให้ตัวเลขรวมทั้งปีและ 5 เดือนที่เหลืออยู่ ทำเงินเข้าประเทศให้มากที่สุด โดยสั่งให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลก เร่งรัดทำแผนส่งออกทั้งเชิงรุกและเชิงลึก ซึ่งวันที่ 14 กันยายน 2565 จะนัดประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลกอีกครั้งหนึ่ง เพื่อติดตามผลและเร่งรัดการดำเนินกิจกรรม เพื่อทำให้ตัวเลขส่งออกปี 2565 ให้ดีที่สุด
ส่วนตัวเลขการขาดดุลการค้า เดือนกรกฎาคม 2565 ที่มีมูลค่า 3,660.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และ7 เดือน มูลค่า 9,916.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าสินค้าที่มีราคาสูงตามการสูงขึ้นของตลาดโลก เช่น น้ำมัน และทองคำ หากราคาพลังงานโลกยังสูงอีก ก็ยังมีโอกาสที่จะขาดดุลอีก แต่ในนี้ ก็มีการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี