บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC จัดการประชุมระดับนานาชาติ “GC Circular Living Symposium 2022: Together to Net Zero” รวมพลังขับเคลื่อนสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ระดมพล 40 ผู้นำทางความคิดชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ร่วมกับ ภาครัฐ เอกชน คนรุ่นใหม่ มหาวิทยาลัยชั้นนำ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม และสตาร์ทอัพ มาร่วมคิด แบ่งปัน และต่อยอดเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ระหว่างวันที่ 25-26 ส.ค. 2565 ที่ผ่านมา ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน
โดยในวันที่ 26 ส.ค. 2565 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดงาน ซึ่ง นายวราวุธ เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังพิจารณาการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (NDC Nationally Determined Contributions) ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2 โดยเพิ่มเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นร้อยละ 40 ภายในปี 2573 แบ่งส่วนสัดการจัดการภายในประเทศเป็นร้อยละ 30 และจากความร่วมมือระหว่างประเทศอีกร้อยละ 10
ขณะเดียวกัน ยังได้นำเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยเร่งกำลังพัฒนาโมเดลเศรษฐกิจ Bio-Circular-Green Economy (เศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม : BCG) อย่างจริงจัง ซึ่งรัฐบาลได้ริเริ่มระบบการเงินสีเขียว (Green Finance) เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนในนวัตกรรมและธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สรรค์สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่ภาคสังคมธุรกิจต่อไป
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (CEO) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า GC เห็นความสำคัญอย่างเร่งด่วนของปัญหาโลกร้อน จึงจับมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศจัดงาน GC Circular Living Symposium 2022: Together to Net Zero ขึ้น เพื่อเป็นเวทีแบ่งปันความรู้และต่อยอดแนวคิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจหมุนเวียนและการลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์
ทั้งนี้ ดร.คงกระพัน ยังได้ร่วมเวทีอภิปราย CEO Panel ในหัวข้อ “How Sustainability Action is Unlocking New Possibilities ทุกภาคส่วนจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อโลกที่ยั่งยืนได้อย่างไร” อีกด้วย โดยกล่าวว่า การลดการปล่อยคาร์บอน เพื่อไปสู่เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) เป็นเรื่องของทุกคนไม่ว่าระดับประเทศ องค์กรหรือครัวเรือน
ซึ่ง GC นั้นอยู่ในภาคอุตสาหกรรม นอกจากลดการปล่อยคาร์บอนแล้วยังต้องลดการปล่อยของเสีย (Waste) ด้วย แต่ยังมีหน้าที่ที่มากกว่านั้น คือการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ทำให้องค์กรทั้งเล็กและใหญ่ ตลอดจนบุคคลทั่วไปมีทางเลือก เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางเลือก อาทิ ผลิตภัณฑ์จากขวดพลาสติกที่นำไปแปรรูปและเพิ่มมูลค่าผ่านกระบวนการ Recycle และ Upclycing ผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) รวมถึงการทำแพลตฟอร์มเพื่อสร้างการมีส่วนร่วม แต่สิ่งแรกที่ต้องมีคือ “ความเข้าใจ” ตั้งแต่อะไรคือพื้นฐาน (Baseline) ทำอะไรอยู่ ทำเพื่ออะไร
จากนั้น “ตั้งเป้าหมาย” เริ่มจากรู้ก่อนว่าปัจจุบันองค์กรปล่อยคาร์บอนเท่าใด เช่น วัดได้ 10 ล้านตัน ตั้งเป้าหมายลดให้ได้ในแต่ละปี จนถึงปี 2030 (2573) ต้องลดได้ร้อยละ 20 และปี 2050 (2593) การปล่อยคาร์บอนต้องเป็นศูนย์ ตามด้วย “วางแผนและดำเนินการ” เช่น เพิ่มการลงทุนในผลิตภัณฑ์ลดคาร์บอน ปรับปรุงประสิทธิภาพโรงงาน พัฒนาเทคโนโลยี เช่น ระบบดักจับและกักเก็บคาร์บอนในอากาศ ไปจนถึงร่วมมือกับภาคส่วนอื่นๆ อาทิ จัดโครงการปลูกป่า ที่ปัจจุบันทำร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และ กรุงเทพมหานคร
อีกประเด็นสำคัญคือ “การเชื่อมจุด” ระหว่างผู้มีส่วนร่วมต่างๆ ซึ่งมี 2 ระดับ คือ “องค์กรขนาดใหญ่” ที่สามารถทำอะไรได้มากมาย แต่กับ “องค์กรขนาดเล็ก” จำเป็นต้องใช้พลังและค่าใช้จ่าย มากกว่า โรงงานรีไซเคิลขยะ GC เลือกวิธีการเข้าไปทำงานร่วมกับชุมชนหลายแห่ง ฝึกอบรมให้คัดแยกและทำความสะอาดขวดพลาสติก ขวดทั่วไปให้ราคาหนึ่ง หากล้างทำความสะอาดมาด้วยก็จะเพิ่มราคาให้อีก
ทำให้เกิดการสร้างอาชีพของคนในชุมชนควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือกรณี วัดจากแดง ในย่านบางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ มีการเก็บรวบรวมขวดพลาสติกจากนักท่องเที่ยวที่มาขี่จักรยานในพื้นที่ โดย GC เข้าไปสนับสนุนเรื่องการนำขวดไปแปรรูปเป็นเส้นใยที่มีเนื้อนิ่มและไม่มีกลิ่นเหม็น ก่อนส่งให้ชุมชนไปตัดเย็บเป็นจีวรรีไซเคิลสำหรับพระสงฆ์ เป็นนวัตกรรมที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ขณะที่ ดร.ชญาน์ จันทวสุ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานความยั่งยืนองค์กร GC ร่วมอภิปรายในหัวข้อ “Circularity in Actions” โดยกล่าวว่า เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจยาก หมายถึงลดการใช้ทรัพยากรและลดการเกิดของเสีย GC ให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) โดยพยายามใช้วัตถุดิบให้น้อยที่สุด ลดของเสีย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
อีกทั้งสร้างการมีส่วนร่วมผ่านแพลตฟอร์ม โดย GC มีโครงการ “YOUเทิร์น” ตั้งจุดรับขวดพลาสติกใช้แล้ว (Drop Point) ตามห้างสรรพสินค้าหรือชุมชน รวมถึงสนับสนุนเครื่องจักรที่ต้องใช้ในการจัดการขยะพลาสติกให้กับชุมชน พบว่าได้รับความสนใจและสามารถรวบรวมกลับมาได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างทางเลือก เช่น ผลิตภัณฑ์ภาชนะจากพลาสติกชีวภาพ โดยเฉพาะพลาสติกบางประเภทที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ยาก อาทิ ถ้วยกาแฟหรือหลอดกาแฟซึ่งใช้กันทุกวัน การใช้พลาสติกชีวภาพ การย่อยสลายตามธรรมชาติจะทำได้ง่ายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน
“ที่เราทดลองทำ ผมมองว่าระดับคนทั่วไปหรือชุมชนสามารถทำได้ แล้วก็ได้ผลดีด้วย นี่เป็นตัวอย่างที่ GC มองว่าน่าจะขยายผลได้และทุกคนมีส่วนร่วม ไม่ว่าท่านจะทำของท่านเองในบ้าน หรือว่าสอนให้คนในครอบครัวคัดแยกขยะ รวมถึงอาจจะสเกลใหญ่ขึ้นมานิด ในชุมชนของท่าน หรือว่าระดับจังหวัดก็ตาม ก็เป็นนโยบายที่ภาครัฐสนับสนุนอยู่แล้ว ผมก็มองว่าช่วยกันขยายผลแล้วเอาไปต่อยอด” ดร.ชญาน์ กล่าว
ยังมีผู้บริหารของ GC อีก 2 ท่านที่ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในงานนี้ คือ นายพรรคพงษ์ วังรัตนโสภณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ ร่วมอภิปรายในหัวข้อ “Drivers of Climate Actions: the Push and Pull of Net Zero เจาะลึกการบริหารจัดการภาวะโลกร้อนจากหลากหลายองคก์รธุรกิจช้ันนำ” และ น.ส.ภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี ร่วมอภิปรายในหัวข้อ “Green Recovery โลกธุรกิจในอนาคตกับบทบาทการลงทุนและการขับเคลื่อนการเงินเพื่อความยั่งยืน”
ทั้งนี้ GC เชื่อว่า การจัดงาน GC Circular Living Symposium 2022: Together to Net Zero ในครั้งนี้ จะเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนแนวคิด นโยบาย แนวทางการดำเนินงานในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ในฐานะพลเมืองของโลกที่มีเป้าหมายเดียวกันคือ “Together to Net Zero. ภายในปี 2050 (2593” เพื่อส่งต่อ “โลกที่ดีกว่า” สู่คนรุ่นต่อไป!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี