จัดงาน‘mai FORUM’ เปิดโอกาสนักลงทุนแนะนำธุรกิจ

จัดงาน‘mai FORUM’ เปิดโอกาสนักลงทุนแนะนำธุรกิจ

วันอังคาร ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2565, 06.00 น.
Tag :

นายไตรสรณ์ วรญาณโกศล นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า สมาคมฯได้ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดงาน “mai FORUM 2022 : มหกรรมรวมพลังคน mai” ครั้งที่ 7 ในวันที่28 ตุลาคม 2565 เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้แนะนำธุรกิจ สินค้าและบริการ ให้เป็นที่รู้จักแก่ผู้ร่วมงาน นอกจากนี้จากการจัดงานยังมีความสำคัญซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจสมาคมฯ คือการสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายธุรกิจและสร้างโอกาสทางธุรกิจให้สมาชิก และพัฒนาบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ให้เป็นต้นแบบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ในไทย

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กล่าวว่า การจัดงานดังกล่าว เป็นการกลับมาจัดงานในรอบ 2 ปี นับตั้งแต่เกิดโควิด-19 สะท้อนบทบาทของตลาดทุน โดยเฉพาะตลาดหลักทรัพย์ mai ในฐานะแหล่งระดมทุนสำหรับธุรกิจ SME ที่ฝ่าฟันช่วงวิกฤตด้านสาธารณสุข และกำลังเข้าสู่บททดสอบที่ท้าทายในวิกฤตการเงินโลก


อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ mai เติบโตโดดเด่นในภูมิภาค เห็นได้จากรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ทั้งธุรกิจเทคโนโลยี ธุรกิจสร้างสรรค์ ธุรกิจสุภาพ เข้ามาระดมทุนในตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สำหรับงานนี้จึงเป็นอีกเวทีในการสื่อสารกับกลุ่มผู้ลงทุน ให้ได้รับรู้ถึงข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยต่อไป

นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wholesale และ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารตระหนักว่าธุรกิจต่างๆ จะเติบโตได้ นอกจากโอกาสทางการตลาด วิสัยทัศน์และกลยุทธ์แล้ว แหล่งเงินทุนเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างการเติบโต ซึ่งธุรกิจ SME มีความสำคัญกับโครงสร้างเศรษฐกิจ ช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจในประเทศ

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2565 คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวประมาณ 3% และในปี 2566 จะอยู่ที่ประมาณ 3.7% โดยมีปัจจัยบวกมาจากภาคการส่งออก รวมถึงการใช้จ่ายของภาครัฐส่วนภาคการท่องเที่ยว เริ่มเห็นสัญญาการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งในปี 2565 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 10 ล้านคน และปี 2566 คาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นเป็น 28 ล้านคนเป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดองโควิด-19 คลี่คลาย

ส่วนของอัตราเงินเฟ้อปี 2565 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 6.7% และในปี 2566 คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3% อย่างไรก็ตามมองว่าจีดีพีไทยยังไม่ได้กลับมาขยายตัวแบบก้าวกระโดด แต่จะเป็นการขยายตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ด้านอัตราดอกเบี้ยคาดว่าปี 2565 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง). อาจจะมีการประชุมอีก 2 ครั้ง และคาดว่าปี 2565 อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่1.25% ส่วนปี 2566 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2% ค่าเงินบาทมองว่าจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 เป็นต้นไป มองแนวโน้มจะอยู่ที่ประมาณ 34-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top