“ข้าว” พืชเศรษฐกิจสำคัญของไทย เป็น 1 ใน 5 ผลผลิตหลักทางการเกษตรที่สร้างรายได้จากการส่งออกอย่างมากเสมอมา ดังข้อมูลจาก สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ระบุว่า “ข้าวนาปี” (ปลูกในฤดูฝน ซึ่งเป็นฤดูทำนาตามปกติ) ฤดูกาลเพาะปลูก 2563/2564 พบว่า มีเนื้อที่เพาะปลูกทั้งสิ้น 62,437,542 ไร่ เนื้อที่เก็บเกี่ยว 60,093,788 ไร่ ได้ผลผลิต 26,423,822 ตัน ส่วน “ข้าวนาปรัง” (การปลูกข้าวนอกฤดูทำนาตามปกติ ส่วนใหญ่มักพบในเขตพื้นที่ชลประทาน) ในปี 2564 มีเนื้อที่เพาะปลูกทั้งสิ้น 8,342,709 ไร่ เนื้อที่เก็บเกี่ยว 8,307,141 ไร่ ได้ผลผลิต 5,310,446 ตัน
ในปี 2564 ที่ผ่านมา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ประเทศไทยส่งออกข้าวประมาณ 6.11 ล้านตัน ขณะที่ข้อมูลจากคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) พบว่า 8 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม - สิงหาคม) ไทยส่งออกข้าวไปแล้วประมาณ 4.75 ล้านตัน ขณะเดียวกัน นอกจากแง่มุมทางเศรษฐกิจ ข้าวก็ยังผูกพันกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทยมาตั้งแต่โบราณ
เห็นได้จากการที่มี “วันพืชมงคล” เป็นหนึ่งในวันสำคัญบนปีปฏิทินของประเทศไทย โดยวันพืชมงคลนั้นจะเป็นวันที่มี “พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ” โดยประกอบด้วย 1.พิธีพืชมงคล เป็นพิธีทำขวัญเมล็ดพันธุ์พืชต่างๆ กับ 2.พิธีแรกนาขวัญ เป็นพิธีที่เริ่มต้นการไถนาเพื่อหว่านเมล็ดข้าว เป็นสัญญาณว่าฤดูกาลเพาะปลูกได้เริ่มขึ้นแล้ว
และเพื่อสืบทอดประเพณีรวมทั้งส่งเสริมความรู้ให้ชุมชน “ศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์” ต.ป่ายุบใน อ.วังจันทร์ จ.ระยอง จึงได้ร่วมปลูกข้าวใน “แปลงนาสาธิต” อันเป็นส่วนหนึ่งของการปลูกป่าแบบ “วนเกษตร” หมายถึง ระบบที่นำเอาพืชทางเกษตรกรรมมาปลูกร่วมกับต้นไม้ ซึ่งจัดเป็นการฟื้นฟูระบบนิเวศป่ารูปแบบหนึ่ง ที่พึ่งตนเองอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เก็บหาผลประโยชน์ทางการเกษตรควบคู่กับการฟื้นคืนสภาพกลับไปเป็นป่าที่มีต้นไม้เป็นองค์ประกอบของระบบนิเวศ รวมถึงสร้างการผลิตทางเกษตรกรรมที่สอดคล้องกับระบบนิเวศป่าไม้ ถือเป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างคุ้มค่าและยั่งยืนกว่าการทำการเกษตรเชิงเดี่ยว
โดยการจัดองค์ประกอบการผลิตทางการเกษตรให้มีความหลากหลายชนิดของพืช จะเอื้อให้เกิดความหลากหลายของสัตว์ตามมา จึงเป็นการสร้างความสมดุลให้กับธรรมชาติ ทำให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้ในกระบวนการผลิต เช่น สามารถลดปัจจัยการผลิตจากปุ๋ย ยาฆ่าแมลงและยังได้ผลผลิตที่เป็นอาหาร ยา ไม้ใช้สอยในการดำรงชีวิต การสร้างมูลค่าที่เป็นตัวเงินในอนาคต
ในระยะสั้นผู้ปลูกจะได้ผลผลิตทางการเกษตร เช่น ได้ข้าวจากการทำนา ได้อาหาร ผัก ผลไม้ จากการปลูกพืชกินได้ ระยะยาวจะได้ประโยชน์หรือมีรายได้จากไม้ยืนต้น เช่น ยางนา พะยูง มะค่าโมง ตะเคียนทอง สัก โดยองค์ประกอบของพืชพรรณที่ปลูกจะสอดคล้องและเกื้อกูลกับระบบนิเวศป่าไม้ในพื้นที่เดิม ทำให้เกิดความสมดุลและได้ผลผลิตอย่างสม่ำเสมอและเพิ่มพูนตามระยะเวลาอย่างยั่งยืน
สำหรับแปลงนาสาธิตของศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์ เป็นการปลูกข้าวแบบ “นาดำ” ซึ่งทำให้ข้าวกอใหญ่และให้ผลผลิตสูงกว่านาหว่าน อีกทั้งออกแบบจัดวางไว้บริเวณที่ลุ่มของแปลงวนเกษตร เพื่อให้สามารถดักตะกอนและธาตุอาหารจากพื้นที่แปลงปลูกต้นไม้และเป็นตำแหน่งที่กักเก็บน้ำได้ โดยเริ่มปลูกข้าวครั้งแรกในปี 2558 โดยใช้พันธุ์ข้าวขาวขวัญชัย ซึ่งขยายพันธุ์มาจากข้าวหอมนครชัยศรี จากนั้นในปีต่อๆ มาได้ปลูกข้าวอีกหลายชนิด เช่น ข้าวหอมมะลิ105 ข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวหอมแม่พญาทองดำ ข้าวเหนียวดำจันทร์โอชา เป็นต้น
ในฤดูกาลปลูกล่าสุด ปี 2565 แปลงนาสาธิต ได้ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ และข้าวเหนียวธัญสิริน เริ่มต้นดำนาปลูกข้าวไปเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2565 และมีกำหนดเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงวันที่ 23 - 30 พฤศจิกายน 2565 ทั้งนี้ ที่แปลงนาสาธิต ศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์ ยังปลูกข้าวตามแนวคิด “ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ” หมายถึงนำวันแห่งความทรงจำของไทยอย่างวันแม่และวันพ่อ มาเชื่อมโยงกับฤดูการทำนาปี
โดยเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นเดือนของวันแม่นั้นจะอยู่ในช่วงเวลาที่มีฝนตกสม่ำเสมอ คือระหว่างปลายเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม จึงเหมาะสมกับการปลูก ส่วนเดือนธันวาคม อันเป็นเดือนของวันพ่อ จะตรงกับเช่วงเวลาเกี่ยวข้าว คือตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงต้นเดือนธันวาคม ซึ่งการปลูกข้าวตามแนวคิดนี้ ช่วยให้ชาวนาลดความเสี่ยงจากภาวะฝนทิ้งช่วงและภัยแล้ง และลดต้นทุนการปลูกลงได้ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี