นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า หลังจากได้ตั้ง บริษัทมีที่มีเงิน จำกัด เป็นบริษัทลูกของธนาคารออมสิน เพื่อรองรับการปล่อยกู้ เสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการในกลุ่ม เอสเอ็มอี ด้วยทุนเริ่มต้น 1,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบระบบ เพื่อให้อนุมัติปล่อยสินเชื่อให้ได้อย่างรวดเร็วคือภายใน 3-5 วันเนื่องจากใช้ หลักประกันเป็นที่ดิน เพื่อความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ชำระหนี้ไม่เกิน 5 ปี ปลอดชำระเงินต้น 1 ปีอัตราดอกเบี้ย 6.99-8.99% ต่อปี ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของแล้วแต่กรณีของผู้กู้และคุณภาพของที่ดิน โดยได้เตรียมวงเงินไว้รองรับ 21,254 ล้านบาท โดยเตรียมเปิดตัว“บริษัทมีที่มีเงิน” ในวันที่ 1 พ.ย. 2565 นี้ จากนั้นจะเริ่มทดลองปล่อยสินเชื่อ 1 ธ.ค. 2565 หรือ 1 ม.ค. 2566 ทดลองนำร่องกับลูกค้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลจากนั้นพร้อมขยายไปพื้นที่อื่นทั่วประเทศ

“ต้องย้ำว่ามีนโยบายไม่เน้นการยึดหลักประกันไม่ตรวจสอบรายได้ ไม่ตรวจสอบเครดิตบูโร หรือใช้บุคคลค้ำประกัน เพราะเราต้องการลดภาระให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ต้องการเติมทุน เนื่องจากปัจจุบันสินเชื่อใช้ที่ดินค้ำประกัน ในระบบมีภาระดอกเบี้ย 12-18% ดังนั้นภารกิจของ บริษัท มีที่มีเงิน จำกัด จะต้องพยายามดึงให้ลงมาเหลือ 6.99-8.99% ต่อปี ปล่อยกู้ 70-80% ของมูลค่าที่ดิน สำหรับบุคคลธรรมดาปล่อยกู้วงเงิน 3-10 ล้านบาท นิติบุคคล ปล่อยกู้ 3-50 ล้านบาท” นายวิทัยกล่าว

ส่วนแนวทางการปล่อยกู้นั้น จะใช้สาขาธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศเป็นฐานการปล่อยสินเชื่อ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ บ.มีที่มีเงิน คอยให้บริการลูกค้า ตั้งเป้าปล่อยกู้ได้ประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี และยังเน้นการรับรีไฟแนนซ์ เพื่อลดภาระให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ต้องรบภาระดอกเบี้ยในอัตราที่สูงอยู่ในขณะนี้

“ย้ำว่าเพื่อขับเคลื่อนนโยบายการดูแลสังคมธนาคารออมสินได้ร่วมทุนกับ บจ. เงินสดทันใจ ปรับลดดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์และการรีไฟแนนซ์ และการตั้งบริษัทมีที่มีเงิน เพื่อปล่อยกู้ให้กับเอสเอ็มอีโดยใช้ที่ดินค้ำประกันและการตั้ง Non Bank เพื่อปล่อยสินเชื่อบุคคล ก็เพื่อหวังให้เอสเอ็มอีและรายย่อยลดภาระต้นทุนดอกเบี้ย”