วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / โลกธุรกิจ
ภาครัฐ-เอกชนฟันธงศก.ปี 66 เติบโตได้ต่อเนื่อง ไม่ต้องใช้'คนละครึ่งเฟส 6'กระตุ้น

ภาครัฐ-เอกชนฟันธงศก.ปี 66 เติบโตได้ต่อเนื่อง ไม่ต้องใช้'คนละครึ่งเฟส 6'กระตุ้น

วันเสาร์ ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565, 15.29 น.
Tag : คนละครึ่งเฟส6 คนละครึ่ง เที่ยวด้วยกัน ของขวัญปีใหม่ อาคม​ เติมพิทยาไพสิษฐ์ หอการค้าทั่วประเทศ
  •  

ภาครัฐและเอกชนเห็นตรงกันโอกาสที่เศรษฐกิจไทยปี 66 เติบโตได้แน่ 3.5-4% โดยภาครัฐเตรียมแผนดันลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมากกว่า 5 ล้านล้านบาท และอาจไม่จำเป็นต้องใช้คนละครึ่งมากระตุ้นเศรษฐกิจ

26 พ.ย.65 ที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี นายอาคม​ เติมพิทยาไพสิษฐ์​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง​ ปาฐกถาพิเศษ ฟื้นเศรษฐกิจไทย เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 40 ที่ จังหวัดอุบลราชธานี ว่า​ มีความเป็นไปได้ที่​เศรษฐกิจ​ในปี​หน้าจะขยายตัวร้อยละ​ 3.5-4 และการส่งออกจะเติบโตร้อยละ​ 3-5 จากปีนี้ที่ส่งออกเติบโตร้อยละ​ 8​ ตามที่ภาคเอกชนคาด เพราะเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง​ ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2565​ หลังผ่อนคลายการกลับมาเปิดประเทศทำให้การบริโภคและการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ดีขึ้น​ และได้อานิสงค์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า​ โดยมองว่า โครงการคนละครึ่งเฟส 6 ไม่จำเป็นต้องมีอีกเพราะเศรษฐกิจและการบริโภคสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง


อย่างไรก็ตาม ปีหน้าภาครัฐจะเร่งเดินหน้าการลงทุน​ ในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์​ ลดต้นทุนการขนส่งให้ภาคเอกชนขณะนี้วางแผนเม็ดเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานไว้ที่ 5 ล้านล้านบาท​ ภายในระยะเวลา 8-10 ปี โดยจะเป็นการลงทุนทั้ง ในระบบสาธารณูปโภค​ พลังงาน​ ซึ่งเม็ดเงินในการระดมทุนจะมาจากการออกพันธบัตร เงินกู้และงบประมาณภาครัฐ และมาตรการของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนนั้น อยู่ระหว่างการระดมความคิดเห็น และจากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวมาตรการเดิมที่เคยมี อาจจะลดลงได้

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เข้าใจหากรัฐบาลจะไม่มีโครงการคนละครึ่งอีกในช่วงปลายปี เพราะงบประมาณมีจำกัด ซึ่งงบประมาณต่างๆมาจากภาษีประชาชน และในช่วงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้านั้น เรื่องปากท้องควรเป็นเรื่องแรกที่รัฐบาลใหม่จะต้องให้ความสำคัญ หากไม่เห็นความสำคัญของปากท้องอาจจะอยู่ได้ยาก โดยเศรษฐกิจของประเทศเวลานี้เชื่อว่าจะดีขึ้นแล้ว และจะไม่เกิดสุญญากาศด้านนโยบายเศรษฐกิจ

ประเทศไทยเวลานี้ยังต้องเผชิญกับวิกฤติซ้อนวิกฤติหลายด้านทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งจะเป็นต้นทุนที่สำคัญของผู้ประกอบการ และสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศได้ส่งผลกระทบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลายจังหวัด การทำงานที่มีความใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับภาคเอกชน มั่นใจจะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากวิกฤติต่างๆ ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น รวมถึงเครือข่ายของหอการค้าทั่วประเทศ มีส่วนในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี และจากการทำงานที่ใกล้ชิดระหว่างภาคเอกชนกับหน่วยงานภาครัฐ อาทิ กระทรวงพาณิชย์ในรูปแบบของ กรอ. พาณิชย์ ทำให้การเจรจาการค้าเกิดผลในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะการส่งออกผลไม้ไปประเทศจีน และการแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การส่งออกในภาพรวมปีนี้ มั่นใจจะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 8 สูงกว่าเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ที่ตั้งไว้ ร้อยละ 4

นอกจากนี้ หอการค้าไทยจะทำงานร่วมกับ BOI ในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งหลังจากนี้จะมีการขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม รวมถึงซาอุดีอาระเบียที่มีการฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว หอการค้าไทยพร้อมประสานให้มีการร่วมลงทุนระหว่าง 2 ประเทศได้ ซึ่งมีภาคธุรกิจหลายส่วนสนใจที่จะไปร่วมลงทุนในซาอุดีอาระเบียแล้ว รวมถึงการดึงดูดการลงทุนจากซาอุดีอาระเบียเข้ามายังประเทศไทยด้วย และจากเวทีการประชุมเอเปค ประเมินได้ว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในประเทศราว 6 แสนล้านบาท และการอำนวยความสะดวกในการลงทุนให้กับชาวต่างชาติ ยังถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยในขณะนี้หอการค้าไทยยังอยู่ระหว่างการศึกษา และเผยแพร่ต่อสาธารณะเพื่อให้ประชาชนในประเทศได้เข้าใจ ซึ่งการลงทุนของต่างชาติยังถือเป็นเรื่องจำเป็นของประเทศไทย ดังนั้น หอการค้าไทยคาดว่า GDP ของประเทศในปีหน้าจะขยายตัวได้ร้อยละ 3.5-4 ในขณะที่การส่งออกคาดว่าจะขยายตัวได้ ร้อยละ 3-5

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “การปรับตัวของประเทศไทยและผู้ประกอบการไทย สู่ธุรกิจ BCG และการนำแนวทาง ESG มาใช้เพื่อความยั่งยืน” ว่า รัฐบาลไทยได้นำโมเดลเศรษฐกิจ BCG (เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว) มาเป็นแนวทางการพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคงและมุ่งสู่เป้าหมายสังคมคาร์บอนต่ำตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงเจตนารมณ์ไว้กับนานาชาติในปี 2564 เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ โดยโมเดล BCG มองไปไกลกว่าผลกำไรของภาคธุรกิจ แต่ให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่สมดุลต่อสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภค และพนักงานในองค์กร ไม่ทิ้งใครไว้ด้านหลัง นอกจากนี้ โมเดล BCG จะเกี่ยวข้องกับครึ่งหนึ่งของการจ้างงานใน 4 สาขาอาชีพ ได้แก่ เกษตรและอาหาร สุขภาพและการแพทย์ พลังงานชีวภาพ และการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่ามูลค่าทางเศรษฐกิจ BCG จะเพิ่มเป็น 4.4 ล้านล้านบาท หรือ 25% ของจีดีพีไทยในอนาคต

ภาคเอกชนได้ขานรับนโยบาย BCG ด้วยการขับเคลื่อนตามแนวคิด ESG หรือการลงทุนที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และมีธรรมาภิบาล โดยวันนี้ภาคธุรกิจต้องเปลี่ยนวิธีคิดให้สอดคล้องกับทิศทางและสถานการณ์ดังกล่าว ไม่เช่นนั้นเราจะทำงานกับนานาชาติได้ยาก เพราะตอนนี้หลาย ๆ ประเทศเริ่มตั้งกำแพงภาษีเรื่องสิ่งแวดล้อม เช่นในยุโรปที่จะทดลองใช้กำแพงภาษีตัวใหม่ที่เรียกว่า Carbon Boarder Adjustment Mechanism (CBAM) กับการนำเข้าสินค้า 5 ชนิดในปีหน้า ส่งผลให้สินค้าแต่ละชนิดต้องมีฉลากคาร์บอนฟุตปริ้นท์ไม่เกิดที่กำหนด มิเช่นนั้นต้องเสียภาษีเพิ่ม ที่น่ากลัวคือ ต่อไปกำแพงภาษีนี้จะเกิดขึ้นในอเมริกา แคนาดา และอีกหลายประเทศๆ รวมถึงอาจครอบคลุมสินค้าส่งออกหมวดอื่น ๆ ที่มีผลกระทบกับประเทศไทยมากขึ้น เช่น ภาคการเกษตร เพราะฉะนั้นถ้าจะค้าขายกับนานาชาติ ผู้ประกอบการไทยจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดและแนวทางการทำธุรกิจ โดยตนไม่อยากให้ทุกคนเห็นว่าเรื่องนี้เป็นภาระ แต่อยากให้เห็นเรื่องความยั่งยืนเป็นโอกาสและแต้มต่อทางธุรกิจเป็นต้น

 

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ไม่ช่วยคนจน! อดีตขุนคลังชี้ช่องโหว่‘e-receipt’เหตุผลทำไมประชาชนเรียกร้องหา‘คนละครึ่ง’ ไม่ช่วยคนจน! อดีตขุนคลังชี้ช่องโหว่‘e-receipt’เหตุผลทำไมประชาชนเรียกร้องหา‘คนละครึ่ง’
  •  

Breaking News

คดี‘ชั้น 14’พ้นพิษ! ‘บิ๊กต่าย’สั่งกองวินัยเตรียมสอบ‘หมอ รพ.ตำรวจ’

ได้โอกาสส่งออก! ‘อินโดนีเซีย’เผยปี’68คาดผลผลิตข้าวเหลือเกินบริโภคในปท.

'DSI'ลงนามด่วนถึง'ผบ.ตร.-ปลัด มท.' ร่วมมือสอบสวนเอาผิดฟอกเงินคดีฮั้วเลือก สว.

'รมว.ยุติธรรม'เป็น ปธ.มอบเงินเยียวยาให้เหยื่อตึก สตง.ถล่ม

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved