เศรษฐกิจสร้างสรรค์ Creative Economy หมายถึง องค์ประกอบร่วมของแนวคิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจบนพื้นฐานของการใช้องค์ความรู้ Knowledge การศึกษา Education การสร้างสรรค์งาน Creativity และการใช้ทรัพย์สินทางปัญญา Intellectual Property ที่เชื่อมโยงกับรากฐานทางวัฒนธรรม การสั่งสมความรู้ของสังคม และเทคโนโลยี/นวัตกรรมสมัยใหม่ ซึ่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์นั้นจะเชื่อมโยงกับคำว่า ทุนทางวัฒนธรรม Cultural Capital หมายถึง ทุนที่ใช้ไปในการผลิตสินค้าและบริการของชุมชนที่มีนัยทางวัฒนธรรม อันได้แก่ ภูมิปัญญาในด้านสถาปัตยกรรม หัตถกรรม เกษตรกรรม การจัดระบบชุมชนด้านศิลปะ ประเพณีความเชื่อ พิธีกรรมและวิถีชีวิต
นอกจากนั้นยังมีคำว่า “ซอฟท์พาวเวอร์ Soft Power” ซึ่งเป็นการใช้ต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สร้างภาพลักษณ์ความนิยมให้กับประเทศของตนที่คุ้นเคยกันมานาน เช่น สหรัฐอเมริกา มีวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูดเผยแพร่วัฒนธรรมแบบอเมริกัน หรือ ญี่ปุ่น ก็ทำแบบเดียวกันผ่านวงการการ์ตูน มังงะ - อนิเมะ รวมถึงที่มาแรงในยุคหลังๆ อย่าง เกาหลีใต้ ที่อุตสาหกรรมบันเทิงเค - ป็อป ถูกผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจด้วย กล่าวคือ ผู้คนเชื่อมั่นในสินค้าจากสหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวมถึงเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศเหล่านั้นเพื่อตามรอยเรื่องราวที่ได้รับจากสื่อบันเทิง หรือไปสัมผัสวัฒนธรรมด้วยตนเอง
สำหรับประเทศไทย Soft Power ที่โดดเด่นเป็นที่รู้จักมานาน เช่น “อาหาร” ดังที่เคยเป็นข่าวว่าสื่อต่างประเทศชื่อดังอย่าง CNN จัดให้อาหารริมทาง Street Food ในกรุงเทพฯ ดีที่สุดในโลก หรือการให้ดาวความอร่อยของค่ายยางรถยนต์ดังอย่างมิชลิน ก็มีร้านอาหารในไทยหลายร้านได้รับ “มวยไทย” ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติที่มักเป็นสิ่งแรกๆ เมื่อชาวต่างชาตินึกถึงคนไทยและประเทศไทย เทศกาลสงกรานต์ จากการละเล่นสาดน้ำในท้องถิ่น กลายเป็นหนึ่งในเทศกาลท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นต้น
โดยรัฐบาลไทยมีนโยบาย “5F” หรือการส่งเสริม Soft Power ที่มีศักยภาพ 5 ด้าน ได้แก่ Food อาหาร Film ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ Fashion แฟชั่นผ้าไทย Fighting มวยไทย และ Festival เทศกาลประเพณีต่างๆ รวมถึงส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 15 สาขา คือ 1.งานฝีมือและหัตถกรรม 2.ดนตรี 3.ศิลปะการแสดง 4.ทัศนศิลป์ 5.ภาพยนตร์ 6.การแพร่ภาพและกระจายเสียง 7.การพิมพ์ 8.ซอฟต์แวร์ 9.การโฆษณา 10.การออกแบบ 11.การให้บริการด้านสถาปัตยกรรม 12.แฟชั่น 13.อาหารไทย 14.การแพทย์แผนไทย และ 15.การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
ปตท. บริษัทชั้นนำด้านพลังงานของไทย ด้วยวิสัยทัศน์ “ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังแห่งอนาคต Powering Life with Future Energy and Beyond” ที่เล็งเห็นความสำคัญของ Creative Economy และ Soft Power ว่านี่คือ “โอกาส” ของไทยในเวทีโลก จึงเป็นที่มาของการจัดตั้งโครงการ Soft Power for Better Thailand ขึ้น เพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยยกระดับการพัฒนาซอฟท์พาวเวอร์ไทย หรือ เสน่ห์ไทย ที่เกิดจากวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีปฏิบัติอันเป็นภูมิปัญญาของประเทศไทย ที่อยู่ในความสนใจของชาวต่างชาติ
ซึ่งนอกจากจะเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจที่จะสามารถดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพื่อขยายฐานอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ Creative Industry ในประเทศไทย ที่จะช่วยสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย หลังสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกได้อีกทางหนึ่งด้วย
นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท. จับมือพันธมิตรภาคส่วนต่างๆ ทั้งจาก บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (ARV) บริษัทในกลุ่ม ปตท. ที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีด้านซอฟท์พาวเวอร์ ผ่านการนำเทคโนโลยีมาช่วยยกระดับการสร้างสรรค์คอนเทนต์ไทย ภายใต้แนวคิด TECH CREATE FUN คือ การนำเทคโนโลยี (TECH) เช่น Virtual Reality, Augmented Reality, Drone และ Metaverse เป็นต้น มาเสริมศักยภาพในการสร้างสรรค์ผลงาน (CREATE)
เช่น ภาพยนตร์ ดิจิทัลคอนเทนต์ หรือ งานศิลปะ เพื่อให้ทั้งผู้สร้างสรรค์ผลงานและผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีขึ้น (FUN) รวมไปถึงยังมีความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ในการจัดกิจกรรมเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาซอฟท์พาวเวอร์ไทย ด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมคอนเทนต์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทั้งการพัฒนาทักษะบุคลากร การสนับสนุนด้านทรัพยากรและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง โดยมียุทธศาสตร์สำคัญ 3 ด้าน ได้แก่
1.สร้างคอนเทนต์ไทยสู่สากล ผ่านโครงการ Content Lab ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) (CEA) จัดโปรแกรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการการใช้งานเทคโนโลยีสมัยใหม่สำหรับผลิตภาพยนตร์ ซีรีส์ งานโฆษณา งานอีเวนต์ และเกม ให้กับนักเรียน นักศึกษา นักสร้างอนิเมชั่น และบุคคลทั่วไปที่สนใจ เพื่อต่อยอดการสร้างสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) สำหรับการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ทันสมัยเทียบเท่ามาตรฐานระดับสากล รวมถึงได้รับประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีการถ่ายทำชั้นนำของประเทศไทย โดยจะมีกิจกรรม Open House โครงการในวันที่ 26 ก.พ. 2566 ที่จะถึงนี้
2.สร้างบุคลากรเพื่อรองรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ผ่านโครงการ TGIF - Technology is Fun โดยนำเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในการยกระดับซอฟท์พาวเวอร์ จัดแสดงที่มหาวิทยาลัย 11 แห่งทั่วประเทศ ในช่วงเดือนมีนาคม - กันยายน 2566 เพื่อเปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา ได้มีโอกาสเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย สร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่จะสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นซอฟท์พาวเวอร์ของประเทศได้ในเชิงพาณิชย์
และ 3.จัดแสดงศักยภาพซอฟท์พาวเวอร์ด้านศิลปะไทย ผ่านนิทรรศการ “Locating the Locals: A Virtual Exhibition by PTT” โดยคัดเลือกผลงานบางส่วนจากการจัดประกวดศิลปกรรม ปตท. ที่เคยได้รับรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 นำออกจัดแสดงอีกครั้ง โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ชมบนพื้นที่จัดแสดงศิลปะแบบเสมือนจริง (Virtual Art Gallery)
ซึ่งนอกจากการจัดแสดงครั้งแรก ณ หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ เมื่อช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา และได้การตอบรับเป็นอย่างดีแล้ว นิทรรศการนี้ยังมีการจัดแสดงขึ้นอีกในงาน Bangkok Design Week 2023 ณ River City Bangkok ระหว่างวันที่ 4 - 12 ก.พ. 2566 และ Isan Creative Festival 2023 ณ จ.ขอนแก่น ระหว่างวันที่ 1 - 9 เม.ย. 2566 ซึ่งผู้สนใจยังสามารถชมนิทรรศการในโลกเสมือนที่ virtualspacebyptt.com ได้อีกด้วย
“ความร่วมมือในการสนับสนุนการพัฒนาซอฟท์พาวเวอร์ไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลนี้ นอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้ ปตท. ทดสอบความเป็นไปได้ในการสร้างธุรกิจและการพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจสำหรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์แล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งกลไกที่จะช่วยยกระดับห่วงโซ่มูลค่าของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยให้ทัดเทียมสากล ช่วยให้ประเทศไทยมีศักยภาพไปสู่การเป็นศูนย์กลางของการผลิตคอนเทนต์สร้างสรรค์ของอาเซียน ที่จะเพิ่มรายได้ให้ประเทศ เพิ่มการจ้างงานใหม่ในสาขาครีเอทีพและดิจิทัลได้ในระยะยาว อันจะเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นายเชิดชัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี