นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงยอดการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ประจำเดือนมกราคม 2566 โดยมียอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่จำนวน 8,466 ราย เพิ่มขึ้น 4,458 ราย หรือเพิ่มขึ้น111% คิดเป็น 1.1 เท่า จากเดือนธันวาคม 2565ที่มียอดทะเบียนจัดตั้งจำนวน 4,008 ราย และ เพิ่มขึ้น 494 รายหรือเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2565 ที่มียอดทะเบียนจัดตั้งจำนวน7,972 ราย
ทั้งนี้ มีมูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ จำนวน20,847 ล้านบาท ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา (ธันวาคม2565) คิดเป็น 1.7% และ ลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็น 28% โดยประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 704 ราย คิดเป็น8% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 545 ราย คิดเป็น 6% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 379 ราย คิดเป็น 4% ตามลำดับ
ขณะที่การจดทะเบียนเลิกในเดือนมกราคม 2566 มีจำนวน 1,297 ราย ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 คิดเป็น 78% แต่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาคิดเป็น 30% โดยประเภทธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป141 ราย คิดเป็น 11% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 54 รายคิดเป็น 4% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 44 รายคิดเป็น 3% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในเดือนมกราคม 2566 เป็นการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ที่สูงสุดในรอบ 10 ปี ในเดือนมกราคม (มกราคม 2557-2566) โดยประเภทธุรกิจที่มีการจัดตั้งสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร และมีสัดส่วนรวมคิดเป็น 19.2% ของธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั้งหมดในเดือนมกราคม 2566 ทั้งนี้ 3 ธุรกิจดังกล่าว มีภาพรวมการจดทะเบียนจัดตั้งเพิ่มขึ้นกว่า 11.6% สอดคล้องกับการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในภาพรวม
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในภาพรวมที่ดีขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์การท่องเที่ยวภายในประเทศ และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ และประกอบกับนโยบายการท่องเที่ยวต่างประเทศของประเทศจีน อันเป็นตลาดเป้าหมายสำคัญด้านการท่องเที่ยวของไทย รวมทั้งสถานการณ์ในภาคการผลิตที่มีการผ่อนคลายลงด้านปัจจัยการผลิต เป็นผลให้ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบธุรกิจเพิ่มขึ้น อ้างอิงได้จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้นกรมพัฒนาธุรกิจการค้าคาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 อยู่ประมาณที่ 40,000-42,000 ราย และตลอดทั้งปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 72,000-77,000 รายเป็นต้น
สำหรับการลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าวเดือนมกราคม 2566 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 52 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 22 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 30 ราย มีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 5,129 ล้านบาท ลดลง 69% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา (ธันวาคม 2565) และลดลง 47% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (มกราคม2565) นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด3 สัญชาติแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 14 ราย เงินลงทุน 3,588ล้านบาท สิงคโปร์ 6 ราย เงินลงทุน 410 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา 6 ราย เงินลงทุน 9 ล้านบาท ตามลำดับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี