นางสาวธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพล รองกรรมการผู้จัดการบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวในงานเสวนา ทิศทางเศรษฐกิจไทย...ฝ่าวิกฤตธนาคารโลก ว่า วิกฤตธนาคารขนาดกลางและเล็กของสหรัฐคงจะยืดเยื้อ แต่เชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางชาติอื่นๆ จะเข้ามาดูแลสภาพคล่องของระบบอย่างรวดเร็ว น่าจะช่วยยับยั้งสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามจนกลายเป็นวิกฤตการเงินโลกได้ สาวนผลกระทบต่อไทยนั้น มองว่า จะอยู่ในกรอบจำกัดเพราะธนาคารไทยมีโครงสร้างงบดุลที่กระจายตัวดีกว่า เพราะ มีพอร์ตสินเชื่อที่ใหญ่กว่าเงินลงทุน และมีพอร์ตสินเชื่อมีการกระจายตัวตามกลุ่มลูกค้ารายย่อย เอสเอ็มอี และลูกค้ารายใหญ่ รวมถึงมีเงินฝากที่ไม่ได้กระจุกตัวอยู่ที่ลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูงหรือลูกค้าธุรกิจองค์กรเหมือนธนาคารสหรัฐที่ประสบปัญหา นอกจากนี้ธนาคารไทยยังมีสภาพคล่องและเงินกองทุนอยู่ในระดับสูงแข่งขันได้ในระดับสากล
ด้าน นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่าปัญหาภาคธนาคารจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวมากกว่าเดิมและมีแนวโน้มสูงขึ้นที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยบางไตรมาสในช่วงครึ่งหลังของปีซึ่งภาพความกังวลข้างต้นสะท้อนผ่านโมเมนตัมการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่21-22 มีนาคม ที่ผ่อนคันเร่งลงด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จากช่วงก่อนเกิดปัญหาภาคธนาคารสหรัฐที่ตลาดมองว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 0.50% ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อของไทยทยอยปรับตัวลดลงตามทิศทางราคาพลังงานที่ลดลงตามการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลก โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดประมาณการเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2566 ลงมาที่ 2.8% จากเดิมที่ 3.2%
อย่างไรก็ตาม ไทยมีปัจจัยบวกที่ช่วยลดผลกระทบข้างต้น คือ ภาคการท่องเที่ยวที่น่าจะเห็นนักท่องเที่ยวทั้งปี2566 ที่อาจสูงกว่าที่คาดไว้แต่เดิมที่ 25.5 ล้านคน มาอยู่ที่28.5 ล้านคน โดยจะเพิ่มขึ้นในกลุ่มนักท่องเที่ยวอาเซียน เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และลาว รวมทั้งนักท่องเที่ยวยุโรป รัสเซีย และอินเดีย เป็นต้น ซึ่งเมื่อเห็นภาพรวมดังนี้แล้ว จึงคาดการณ์จีดีพีสำหรับทั้งปี 2566 เอาไว้ที่ 3.7% ขณะเดียวกันมีการปรับลดตัวเลขส่งออกลงจากเดิมที่ -0.5% มาที่ -1.2%
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทนั้น คาดการณ์ว่า ค่าเงินบาทช่วงปลายปีจะอยู่ที่ 33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ค่าเงินบาทจะยังคงเคลื่อนไหวผันผวนค่อนข้างมากต่อเนื่องไปในไตรมาสที่สอง ท่ามกลางสถานการณ์ต่างประเทศที่ยังไม่นิ่งเพียงแต่จังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเฟดที่ชะลอความแรงลงทำให้เงินบาทมีโอกาสแกว่งตัวในทิศทางที่แข็งค่าขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยคาดว่าจะปรับขึ้นได้อีก 0.25% ในการประชุมวันที่ 29 มีนาคมนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี