นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย กล่าวถึง กรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.50%เป็น 1.75% ต่อปี ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของกนง. ครั้งนี้ แสดงถึงความต้องการส่งผ่านการขึ้นดอกเบี้ยไปสู่ระบบการเงิน เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาอยู่ในกรอบเป้าหมายในช่วงกลางปีนี้ตามแผน ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของภาคธนาคารต้องพิจารณาถึงกลไกตลาด ควบคู่กับการดูแลช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ที่ยังคงต้องเฝ้าดูและติดตามสถานการณ์ต่อไป
สำหรับธนาคารกรุงไทย รับทราบถึงสัญญาณของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และคงพิจารณาส่งผ่านอัตราดอกเบี้ย เพราะอีกด้านเราต้องบริหารจัดการด้านสภาพคล่อง และดูเรื่องการไหลเวียนของเงิน แต่จะส่งผ่านในอัตราเท่าใดนั้น ต้องดูกลไกตลาดเป็นหลัก เพราะแต่ละธนาคารการไหลของสภาพคล่องไม่เหมือนกัน โดยการปรับอัตราดอกเบี้ยต้องดูทั้งเงินฝากและเงินกู้ผสมผสานกัน ดังนั้นการปรับขึ้นดอกเบี้ยต้องดูโครงสร้างทางการเงิน
“ธนาคารให้ความสำคัญกับการดูแลช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ซึ่งอาจจะซ่อนอยู่ในหลาย segment โดยเฉพาะรายย่อย และ เอสเอ็มอี ซึ่งส่วนใหญ่ใช้สินเชื่อส่วนบุคคลในการทำธุรกิจ และโดยภาพรวม ลูกค้าบริหารจัดการด้านสภาพคล่อง และดูเรื่องการไหลเวียนของเงิน ส่วนใหญ่จะมีภูมิคุ้มกันมากกว่า แต่ต้องดูลึกไปในแต่ละกลุ่มว่ามีกลุ่มเปราะบางซ่อนอยู่หรือไม่ โดยแต่ละแบงก์ต้องเข้าไปดูแลลูกค้าที่เป็นกลุ่มเปราะบางของตัวเอง ซึ่งเมื่อต้นทุนดอกเบี้ยขึ้น ต้องดูว่ากิจการและรายได้ของลูกค้าทยอยปรับขึ้นตามหรือไม่ เป็นจุดที่ต้องประคับประคอง” นายผยง กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายวิจัยของธนาคารพาณิชย์หลายแห่งก็ได้ออกบทวิเคราะห์เรื่องทิศทางของดอกเบี้ยนโยบายในระยะต่อไป โดย Krungthai COMPASS ธ.กรุงไทย ประเมินว่า กนง. มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ในการประชุมครั้งถัดไป ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยขาขึ้นรอบนี้แตะระดับ 2.0% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่ กนง. ประเมินว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อมีความเสี่ยงที่อาจสูงนานกว่าคาดจากการส่งผ่านต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้นท่ามกลาง อุปสงค์ที่ฟื้นตัว อีกทั้ง เสถียรภาพของสถาบันการเงินไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดี
ขณะที่ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า SCB EIC ประเมินว่า กนง. จะสามารถทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องเข้าสู่ระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว และ SCB EIC ได้ประเมิน Neutral Rate หรือระดับอัตราดอกเบี้ยที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจในระยะยาวที่มีระดับผลผลิต ระดับศักยภาพ และระดับราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปมีเสถียรภาพในระยะยาวตามกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ ซึ่งประเมินว่า Neutral Rate ล่าสุดของไทยอยู่ที่ 2.5%
ด้าน กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูงอาจทำให้ กนง. คงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% อย่างไรก็ดี ท่าทีและสัญญาณในวันที่29 มีนาคมที่ผ่านมานั้น บ่งชี้ว่า กนง. เปิดโอกาสไว้สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งหน้าได้เช่นกันหากสถานการณ์ยังเอื้อให้ปรับนโยบายต่ออีกเล็กน้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี