นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวถึงทิศทางการขับเคลื่อน กฟผ. เนื่องในโอกาสครบรอบ 54 ปี วันคล้ายวันสถาปนา กฟผ. ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 ทำให้คาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าในระบบ กฟผ. ปี 2566 อยู่ที่ 208,187 ล้านหน่วย (GWh) เพิ่มขึ้น 3.32% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เทรนด์พลังงานโลกรวมถึงประเทศไทยมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียวจากพลังงานหมุนเวียนในภาคธุรกิจและการลงทุนมากขึ้นเพื่อลดอุปสรรคทางการค้าจากมาตรการภาษีคาร์บอน
ในปี 2566 กฟผ. จึงเร่งเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ชุดที่ 1 กำลังผลิต 24 เมกะวัตต์ที่มีการติดตั้งแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน (BESS) เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าในช่วงเปลี่ยนผ่านพลังงานระหว่างพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานน้ำ รวมทั้งเพิ่มความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศ
ทั้งนี้ กฟผ. มีศักยภาพดำเนินโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดในเขื่อนสูงถึง 10,000เมกะวัตต์ โดยเตรียมเสนอโครงการต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าสีเขียวของภาคธุรกิจ ควบคู่กับการเดินหน้าส่งเสริมใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC) เพื่อยืนยันการใช้พลังงานไฟฟ้าสีเขียวตามมาตรฐานสากล กฟผ.ได้รับสิทธิ์จาก I-REC ประเทศเนเธอร์แลนด์ ให้เป็นผู้รับรอง (Local Issuer) รายเดียวของประเทศไทยซึ่งตลอด 3 ปีที่ผ่านมา กฟผ. ออกใบรับรอง RECให้แก่ผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนของไทยแล้วกว่า 5.58 ล้าน REC โดยในปี 2565 การออกใบรับรองREC ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 106%
ขณะเดียวกัน ยังเดินหน้าศึกษาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด อาทิ การใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนและแอมโมเนียที่ไม่ปล่อยคาร์บอนระหว่างการเผาไหม้เพื่อเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกในการผลิตไฟฟ้า เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture Utilization and Storage : CCUS) เช่น การนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตไฟฟ้ามาแปรรูปเป็นเมทานอลสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงในภาคอุตสาหกรรม
สำหรับภารกิจด้านเชื้อเพลิง กฟผ. ได้ร่วมกับ บริษัท ปตท. เพิ่มความมั่นคงในการจัดหาเชื้อเพลิง LNG ของประเทศ โดยเข้าร่วมทุนในบริษัท LNG Receiving Terminal แห่งที่ 2บ้านหนองแฟบ จ.ระยอง ในสัดส่วนการถือหุ้น 50%ซึ่งคาดว่าจะร่วมลงทุนได้ภายในปี 2566
ด้านการสนับสนุนระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศ ปัจจุบัน กฟผ. เปิดให้บริการสถานีชาร์จ EleX by EGAT และสถานีพันธมิตรในเครือข่าย EleXA แล้ว 120 แห่งทั่วประเทศ โดยในปี 2566 ตั้งเป้าขยายสถานีให้ได้รวมกว่า 180 แห่ง รวมถึงขยายความร่วมมือจาก 5 หน่วยงาน เป็น 12 หน่วยงานพันธมิตรเชื่อมโยงโครงข่ายสถานีชาร์จอีวี เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้อีวีสามารถดูหมุดสถานีชาร์จข้ามค่ายได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังเตรียมยกระดับการจัดการใช้พลังงานของภาคประชาชนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและลดคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรมผ่านฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 โฉมใหม่ ที่แสดงค่าการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของเครื่องใช้ไฟฟ้า เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนนี้ รวมถึงเดินหน้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวผ่านโครงการปลูกป่าล้านไร่อย่างมีส่วนร่วม ทั้งป่าต้นน้ำ ป่าชุมชน และป่าชายเลนโดยในปี 2565 เพิ่มพื้นที่ปลูกป่ารวมกว่า 1.03 แสนไร่ตั้งเป้าปลูกป่าในปี 2566 จำนวน 1 แสนไร่ โดยมีเป้าหมายปลูกป่าให้ครบ 1 ล้านไร่ ในปี 2574
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี