นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2566ว่า การบินไทยและบริษัทย่อยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 41,507 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 271.2% จากช่วงเดียวกันของปี 2565 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 11,181 ล้านบาท ทั้งนี้รายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการเติบโตของการขนส่งผู้โดยสาร จากการกลับมาให้บริการเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสาร เพื่อรองรับปริมาณความต้องการการเดินทางที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่หลายๆ ประเทศได้มีการเปิดประเทศเพิ่มขึ้น ด้วยการเพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางบินที่เป็นที่นิยมของผู้โดยสาร อาทิ ประเทศญี่ปุ่น และประเทศเกาหลีใต้ รวมถึงการ
กลับมาเริ่มให้บริการในเมืองต่างๆ ของประเทศจีนตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา
โดยมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ในเส้นทางทวีปยุโรป ออสเตรเลีย และประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงมาก ส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 1/2566 มีอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ยกว่า 80% จึงมั่นใจว่าปี 2566 นี้รายได้รวมของการบินไทยและบริษัทย่อยน่าจะถึงเป้าหมายที่วางไว้ที่ระดับ 1.3-1.4 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การบินไทยและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายรวม 28,473 ล้านบาท สูงกว่าปี 2565ซึ่งมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 14,348 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายที่ผันแปรตามปริมาณการผลิตและปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น จากราคาน้ำมันที่ปรับตัว
สูงขึ้นจากปี 2565 ถึง 9.7% โดยในช่วงไตรมาส 1/2566 การบินไทยและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวอยู่ที่ 13,034 ล้าน เพิ่มขึ้น 657% จากช่วงเดียวกันของปี 2565 ที่มีผลขาดทุนอยู่ที่ 3,167 ล้านบาท
โดยมีต้นทุนทางการเงิน ซึ่งเป็นการรับรู้ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 (TFRS 9) จำนวน 3,549 ล้านบาท และมีรายการ
ที่เกิดขึ้นครั้งเดียวที่ส่วนใหญ่มาจากการปรับโครงสร้างหนี้ การจำหน่ายสินทรัพย์ และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นรายได้รวม 2,987 ล้านบาทส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 1/2566 การบินไทยและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 12,523 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2565 ขาดทุน 3,243 ล้านบาท โดยเป็นกำไรส่วนที่เป็นของการบินไทย 12,514 ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบิน รวมค่าเช่าเครื่องบินจากการใช้เครื่องบินที่เกิดขึ้นจริง (Power by the Hours) 14,054 ล้านบาท
ในขณะที่บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 172 ล้านบาท แต่มีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการกลับรายการค่าใช้จ่าย 517 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 82 ล้านบาท
โดยในปี 2566 นี้ การบินไทยได้เตรียมรับเครื่องบินใหม่ จำนวน 4 ลำ จากทั้งหมด 11 ลำโดยจะเริ่มมีการทยอยเข้ามาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป เพื่อนำมาใช้บริการในเส้นทางบินในเมืองต่างๆ ของจีน และญี่ปุ่น และจะมีการทยอยเพิ่มเที่ยวบินในเมืองสำคัญๆ อาทิ โตเกียว ฮาเนดะนาโกย่า และโอซาก้า เป็นต้น ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 การบินไทยและบริษัทย่อยมีเครื่องบินที่ใช้ทำการบินทั้งสิ้น จำนวน 65 ลำ มีอัตราการใช้เครื่องบินเฉลี่ย 12.3 ชั่วโมงต่อวัน มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) เพิ่มขึ้น 121.4% จากปี 2565 มีปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 469.2%
นอกจากนี้ มีจำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่งรวมทั้งสิ้น 3.52 ล้านคน เพิ่มขึ้น 245.1% จากปี 2565 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 208,445 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2565 จำนวน 10,267 ล้านบาท หรือ 5.2% หนี้สินรวมจำนวน 266,948 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 จำนวน 2,254 ล้านบาท หรือ 0.8% ส่วนของผู้ถือหุ้นของการบินไทยและบริษัทย่อยติดลบจำนวน 58,503 ล้านบาท ติดลบลดลงจากวันที่ 31 ธันวาคม 2565 จำนวน 12,521 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี