นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SME Sentiment Index : SMESI)ประจำเดือนเมษายน 2566 พบว่า ค่าดัชนีSMESI อยู่ที่ระดับ 55.3 เพิ่มขึ้นจากระดับ 54.9 ของเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ส่งผลดีต่อธุรกิจโดยเฉพาะภาคการค้าและสาขาที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการ SME กำลังมีความกังวลด้านต้นทุนมากขึ้นจากค่าไฟฟ้าที่ปรับสูงขึ้น
องค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลให้ค่าดัชนี SMESI เดือนเมษายนเพิ่มขึ้นได้แก่ คำสั่งซื้อโดยรวม ปริมาณการผลิต/การค้า/การบริการและการลงทุนโดยรวมซึ่งมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 67.059.6 และ 54.3 จากระดับ 64.9 57.9และ 52.8 ตามลำดับ ขณะที่องค์ประกอบด้านต้นทุน กำไรและการจ้างงาน ชะลอตัวลงจากเดือนก่อน อยู่ที่ระดับ 39.1 61.4 และ50.5 จากระดับ 40.4 62.4 และ 51.0 โดยเกือบทุกองค์ประกอบค่าดัชนีฯ อยู่สูงกว่าค่าฐานที่ 50 ค่อนข้างมาก แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในแต่ละองค์ประกอบในระดับที่ดี มีเพียงด้านต้นทุนที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ซึ่งผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับค่าไฟฟ้า
เมื่อพิจารณารายภาคธุรกิจ พบว่าธุรกิจภาคการค้าและภาคการบริการโดยเฉพาะสาขาที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวขยายตัวจากกำลังซื้อและการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขณะที่ภาคการเกษตรและภาคการผลิตชะลอตัวลง
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์3 เดือนข้างหน้า ลดลงอยู่ที่ระดับ 52.5 จากระดับ 53.1 แต่ยังคงอยู่ในช่วงของความเชื่อมั่น เนื่องจากการเข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งเป็นช่วงที่มีฝนตกบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการยังคงมีความเชื่อว่าหลังการเลือกตั้งราคาสินค้าต้นทุนรวมถึงค่าสาธารณูปโภคจะเริ่มลดลง
นอกจากนี้ สสว. ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการ SME เกี่ยวกับความต้องการรับการสนับสนุนหรือช่วยเหลือจากภาครัฐ พบว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการมากที่สุด คือ ต้นทุนและค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะปัญหาด้านค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และต้องการให้ควบคุมราคาสินค้า/วัตถุดิบ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ลดอัตราการเก็บภาษี และต้องการให้รัฐขยายโครงการกระตุ้นกำลังซื้ออีกครั้ง