นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA)กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) รอบที่ 2ระหว่างวันที่ 18-20 กรกฎาคม 2566 ณ กรุงเทพฯ เพื่อเดินหน้าสรุปผลการเจรจาให้สำเร็จภายใน 6 เดือน ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ร่วมกัน ระหว่างนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ที่ได้ประกาศเปิดการเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ หรือ CEPA (Comprehensive Economic Partnership Agreement) ระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ร่วมกับ ดร.ธานี บิน อาเหม็ด อัล เซยูดี รัฐมนตรีแห่งรัฐประจำกระทรวงเศรษฐกิจยูเออีรับผิดชอบด้านการค้าต่างประเทศ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 และทั้งสองฝ่ายได้ประชุมเจรจา CEPA รอบที่ 1 เมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ เมืองดูไบ

การเจรจารอบนี้ จะเป็นการประชุมของคณะกรรมการเจรจาการค้า เพื่อกำกับดูแลและติดตามการเจรจาในภาพรวม และคณะทำงานกลุ่มย่อย 11 คณะ ได้แก่ 1.การค้าสินค้า 2.พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า 3.มาตรการเยียวยาทางการค้า 4.ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและ MSMEs 5.กฎหมายและสถาบัน 6.ความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ 7.ทรัพย์สินทางปัญญา 8.การค้าบริการ รวมถึงการค้าดิจิทัล 9.การลงทุน 10.มาตรการที่เป็นอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า และ 11.มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช ซึ่งจะหารือยกร่างความตกลง เพื่อผลักดันให้การเจรจาคืบหน้าตามที่ตั้งเป้าไว้

ยูเออีเป็นคู่ค้าอันดับ 6 ของไทยในตลาดโลก และเป็นอันดับ 1 ในตะวันออกกลาง โดยในปี 2565 การค้าระหว่างไทยกับยูเออีมีมูลค่า 20,824.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 73.9% ไทยส่งออกไปยูเออี มูลค่า 3,420.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากยูเออี มูลค่า 17,404 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์ยาง และสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ น้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป ก๊าซธรรมชาติ สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ และเครื่องเพชรพลอย สำหรับในช่วง 5 เดือนของปี 2566 (มกราคม-พฤษภาคม) การค้าระหว่างไทยกับยูเออี มีมูลค่า 7,698.52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 4.50% โดยไทยส่งออกไปยูเออี มูลค่า 1,309.68 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากยูเออี มูลค่า 6,388.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ