นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ปรับประมาณการผลิตรถยนต์ในปี 2566 ใหม่จาก 1,950,000 คัน เป็น 1,900,000 คัน ลดลง50,000 คัน หรือลดลง 2.56% โดยเป็นการปรับเป้าเฉพาะผลิตขายในประเทศจาก 950,000 คัน เป็น 900,000 คัน หรือลดลง5.56% หลังสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์จากหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 90.6% ของ GDP รวมทั้งส่งออกสินค้าอื่นๆ ของประเทศลดลงติดต่อกันหลายเดือนทำให้หลายอุตสาหกรรมลดกะการทำงานและลดการทำงานล่วงเวลา คนทำงานขาดรายได้ อำนาจซื้อลดลง
นอกจากนั้นยังมีเรื่องของอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นรวมทั้งค่าครองชีพสูงขึ้นผู้มีหนี้และประชาชนต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นจึงระวังการใช้จ่าย ทำให้อำนาจซื้อลดลง ธุรกิจหลายสาขาชะลอตัวลง เช่น วัสดุก่อสร้าง ร้านสะดวกสบาย supermarket ฯลฯและปัจจัยสำคัญอีกอย่าง คือ รถยนต์ไฟฟ้า(รถอีวี) ที่เข้ามีส่วนแบ่งตลาดรถยนต์มากกว่า 5%
“รถยนต์ไฟฟ้าเป็นรถยนต์นำเข้า ไม่ได้ผลิตในประเทศ โดยเป็นการนำเข้าจากประเทศจีน ทำให้กลุ่มยานยนต์ จึงต้องลดเป้าการผลิตเพื่อขายในประเทศลงประมาณ 5% ของเป้าเดิม และคาดว่าในครึ่งปีหลัง หากยังมีการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกจากจีนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากจีนพยายามขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการเร่ง
ส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าไปทั่วโลก เพราะจีนเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอันดับ 1 ของโลก ดังนั้น เราอาจจะต้องพิจารณาการปรับลดการผลิตในประเทศอีกครั้ง” นายสุรพงษ์กล่าว
นายสุรพงษ์กล่าวว่า การผลิตรถยนต์ใน มิ.ย. 2566 มีทั้งสิ้น 145,557 คัน เพิ่มขึ้น1.78% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะผลิตขายในประเทศลดลง 2.01% และลดลง 3.30% จาก พ.ค. 2566 ทำให้ 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย. 2566) ผลิตรถยนต์ทั้งสิ้น 921,512 คัน เพิ่มขึ้น 5.91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย มิ.ย. 2566เป็นการผลิตเพื่อส่งออก 84,909 คัน เท่ากับ 58.33% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้น 4.66% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทำให้ 6 เดือนปีนี้ผลิตเพื่อส่งออกได้ 530,655 คัน เท่ากับ 57.59% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้น 12.09% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ใน มิ.ย. 2566 ผลิตได้ 60,648 คันเท่ากับ 41.67% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้น 2.01% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทำให้ 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย. 2566)ผลิตได้ 390,857 คัน เท่ากับ 42.41%ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 1.48% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศ ใน มิ.ย. 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น64,440 คัน ลดลง 1.04% จาก พ.ค. 2566 และลดลง 5.16% จากเดือนเดียวกันในปีก่อน เพราะการเข้มงวดของสถาบันการเงินในการอนุมัติสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนที่สูงถึงร้อยละ 90.6 ของ GDP ประเทศ ส่งผลให้ 6 เดือนแรกของปีนี้ รถยนต์มียอดขาย 406,131 คัน ลดลง 4.95%จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ส่วนการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนมิถุนายน 2566 ส่งออกได้ 88,826 คัน เพิ่มขึ้น 2.86% จาก พ.ค. 2566 และเพิ่มขึ้น 20.22% จาก มิ.ย. 2565 เพราะผลิตรถยนต์นั่งและรถ PPV เพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น27.57% และ 96.51% ตามลำดับ จึงส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดเอเชีย ออสเตรเลียและโอเชียเนีย ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกาเหนือ มูลค่าการส่งออก 55,925.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.72% จาก มิ.ย. 2565 ส่งผลให้ 6 เดือนแรกของปีนี้ ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 528,816 คัน เพิ่มขึ้น 17.61% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีมูลค่าการส่งออก 329,181.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.45% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดเดือน มิ.ย. 2566 มีทั้งสิ้น 8,260 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 54.74% และจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบก พบว่าใน 6 เดือนปีนี้มีรถยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนใหม่ในประเทศทั้งสิ้น 31,515 คัน เพิ่มขึ้น 948.40%จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยคาดว่าปีนี้น่าจะมีรถยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนใหม่ถึง 70,000-80,000 คัน ขึ้นว่าจะมีรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกที่เข้ามาขายในช่วงครึ่งปีหลังมากขึ้นหรือไม่ หากมีจำนวนไม่มากขึ้นคาดว่ายอดจดทะเบียนใหม่น่าจะอยู่ที่ประมาณ 60,000 คัน
ส่วนกรณีการจัดตั้งรัฐบาลของไทยในปัจจุบันที่ล่าช้านั้น ยังไม่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ โดยยังเชื่อมั่นว่าการจัดตั้งรัฐบาลน่าจะแล้วเสร็จภายในสิงหาคมนี้ แต่ยังคงต้องติดตามมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า “มาตรการอีวี 3.5”ตามมติคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ที่วางไว้ในการสนับสนุนโรงงานผลิตแบตเตอรี่ รวมถึงเงินสนับสนุน ฯลฯ หากไม่ต่อเนื่องยอมรับว่าจะกระทบต่อการนำเข้ารถอีวีมาขายประเทศ รวมถึงความเชื่อมั่นต่อผู้ลงทุนผลิตในประเทศ แต่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลใหม่จะยังคงสนับสนุนตามแนวทางที่บอร์ดอีวีวางไว้ ซึ่งขณะนี้ต้องยอมรับว่าคนไทยนิยมใช้รถอีวีเพิ่มมากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี