น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รายงานถึงข้อมูลการท่องเที่ยวไทยที่ขณะนี้เป็นภาคเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง เป็นแรงสนับสนุนสำคัญของเศรษฐกิจ โดยใน7 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม-กรกฎาคม) ภาคการท่องเที่ยวสร้างภายได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติรวมกัน 1,084,575 ล้านบาทในจำนวนนี้เป็นรายได้ที่มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 638,161 ล้านบาท
ทางด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นก็คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลได้ตั้งไว้ไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึง 30 กรกฎาคม 2566 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 15,322,175 คน เพิ่มขึ้น384% เมื่อเทียบกับช่วง 7 เดือนแรกของปี 2565 ซึ่ง 5 อันแรกของประเทศต้นทางที่เดินทางมาไทยมากที่สุด ได้แก่ 1) มาเลเซีย 2,439,710 คน 2) จีน1,839,660 คน 3) เกาหลีใต้ 907,463 คน 4) อินเดีย885,772 คน และ 5) รัสเซีย 854,946 คน
นอกจากจะเป็นผลจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายแล้ว การจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งตลาดในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องตามนโยบายของรัฐบาล ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จังหวัด และท้องถิ่น เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเติบโตที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 2-6 สิงหาคม 2566 ททท. ได้จัดงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 41ประจำปี 2566” (TTF2023) ที่ ฮอลล์ 5-8 ชั้น LGศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยจะเป็นงานใหญ่ที่กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยงานจะเน้นการถ่ายทอดวัฒนธรรม วิถีชีวิต อัตลักษณ์ กระตุ้นให้เกิดการรับรู้ถึงแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่เคยเห็น (Unseen) ของ 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ มีพันธมิตรด้านการท่องเที่ยวทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมในงานที่แบ่งการจัดงานซึ่งแบ่งการจัดงานเป็น 8 โซน และมีกิจกรรมให้ความบันเทิงจากศิลปินมากมายประชาชนสามารถเข้าร่วมงานได้ฟรี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TAT Contact Center 1672 หรือที่เว็บไซต์ thai.tourismthailand.org/Articles/ttf2023
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจไทยล่าสุดตามรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ถึงภาวะเศรษฐกิจไทยช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2566 เศรษฐกิจไทยปรับดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาคบริการและการบริโภคภาคเอกชนขยายตัว การลงทุนภาคเอกชนปรับดีขึ้น ส่วนหนึ่งจากการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ ด้านมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคำเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสินค้าเกษตรเป็นสำคัญ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงจากการผลิตยานยนต์และหมวดอาหารและเครื่องดื่มเป็นหลัก ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากรายจ่ายประจำของรัฐบาลกลางและการลงทุนรัฐวิสาหกิจ ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลดลงจากผลของฐานสูงในปีก่อน ประกอบกับเงินเฟ้อในหมวดพลังงานลดลง ด้านตลาดแรงงานฟื้นตัวต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจ สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล จากการส่งกลับกำไรและรายรับด้านการท่องเที่ยวที่ลดลงตามฤดูกาล ประกอบกับดุลการค้าเกินดุลลดลง
“ภาวะเศรษฐกิจไทยจะอยู่ในทิศทางฟื้นตัวดี เป็นเครื่องชี้วัดที่สำคัญต่อนโยบายและมาตรการที่ พล.อ.ประยุทธ์ดำเนินมาโดยตลอดทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามพล.อ.ประยุทธ์ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าติดตามภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับปัจจัยต่างๆ เช่น ความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ภาวะเอลนีโญเป็นต้น เพื่อปรับมาตรการต่างๆ ให้เท่าทันและสอดคล้องกับสถานการณ์” น.ส.ทิพานัน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี