น.ส.ฐิตาภัสร์ อิสราพรพัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงินและบัญชีบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR เปิดเผยว่า ไตรมาส 2 ปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 2,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% มีกำไรสุทธิ 532 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 306% จากไตรมาส 2 ปี 2565 ที่มีรายได้รวม 1,639 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 131 ล้านบาทมาจากรายได้ธุรกิจโรงภาพยนตร์ 1,178 ล้านบาท ธุรกิจป๊อปคอร์น 654 ล้านบาท ธุรกิจสื่อโฆษณา 244 ล้านบาท ธุรกิจโบว์ลิ่ง 102 ล้านบาท ธุรกิจพื้นที่เช่า63 ล้านบาท และจาก Movie Content 42 ล้านบาท ซึ่งทุกธุรกิจเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2565

สำหรับครึ่งปีแรก 2566 บริษัทมีรายได้รวม 3,873 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% มีกำไรสุทธิรวม 603 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 288% จากครึ่งปีแรก 2565 มาจากรายได้ธุรกิจโรงภาพยนตร์ 1,945 ล้านบาทธุรกิจป๊อปคอร์น 1,088 ล้านบาท ธุรกิจสื่อโฆษณา 435 ล้านบาท ธุรกิจโบว์ลิ่ง 198 ล้านบาท ธุรกิจพื้นที่เช่า 125ล้านบาท และจาก Movie Content 83 ล้านบาท

ทั้งนี้เป็นผลจากการฟื้นตัวต่อเนื่องของธุรกิจหลังจากการคลี่คลายของโควิด-19 ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้นและคึกคักเหมือนช่วงก่อนโควิด-19 ประกอบกับมีหนังฮอลลีวู้ดที่ได้รับความสนใจเข้าฉายหลายเรื่องและทำรายได้ดีต่อเนื่อง

น.ส.ฐิตาภัสร์กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าขยายโรงหนังเพิ่มให้ครบ 1,200 โรงภายในปี 2573 ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในปี 2566 จะขยายโรงหนัง 8 สาขา 40 โรง ด้วยงบลงทุน 600 ล้านบาท จากปัจจุบันบริษัทมีโรงหนัง 178 สาขา 825 โรง แบ่งเป็นในประเทศ 169 สาขา 779 โรง และต่างประเทศ 9 สาขา 46 โรง และจะเพิ่มช่องทางการขายป๊อปคอร์นผ่านเซเว่น- อีเลฟเว่นปลายเดือนกันยายนนี้