ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ของค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดช่วงเช้าของวันที่ 4 ตุลาคม เมื่อเปิดตลาดซื้อเงินตราค่าเงินบาทอ่อนลงไปแตะระดับ 37.19/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการอ่อนค่าสุดในรอบ 11 เดือนครั้งใหม่ ก่อนจะกลับมาเคลื่อนไหวที่ระดับประมาณ 37.15-37.17 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.09% แตะที่ระดับ 107.0062 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน ซึ่งปรับตัวตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี หลังจากข้อมูลแรงงานล่าสุดของสหรัฐทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น ทั้งนี้เงินบาทเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาค ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาไม่ค่อยดี ขณะที่เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะฟื้นตัวช้า และยังไม่เห็นนโยบายทางการเงินการคลังที่คืบหน้า
ทั้งนี้ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนา “Thailand Economic Outlook 2024 Change the Futuer Today” ในหัวข้อ “โอกาส ก้าวหน้าความเสี่ยงเศรษฐกิจไทย2024” ว่า ปัญหาอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องมาจาก 3 เรื่องหลัก คือ 1.เงินสกุลดอลลาร์แข็งค่าทำให้บาททะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ2.เงินบาทผูกกับเงินหยวนของจีน นับว่ามีความสัมพันธ์การค้า การลงทุนเชื่อมโยงอย่างมาก เมื่อเศรษฐกิจจีนมีปัญหา ทำให้นักลงทุนมองไทยมีปัญหาตามไปด้วย 3.ราคาทองคำลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เงินบาทอ่อนค่า เพราะราคาทองคำของไทย เคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินบาทสูงมากกว่าประเทศอื่น เพราะคนไทยชอบซื้อขายทอง ยอมรับว่าเงินบาทอ่อนค่า 9% มากกว่าประเทศอื่น โดยเฉพาะเกาหลี
“ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ รับผลกระทบหนักสุดจากสกุลดอลลาร์แข็งค่า และราคาทองคำลดลงมาก การใช้มาตรการดูแลค่าเงิน ธปท. จะไม่กำหนดค่าเงินบาทไว้ ความเสี่ยงไม่ได้มาจากปัจจัยพื้นฐาน แต่มาจากเงินดอลลาร์แข็งค่า ยืนยัน ธปท. ไม่ตรึงค่าเงินบาทที่เหมาะสม หวั่นเกิดการเก็งกำไรหนัก แม้ ธปท.ไม่อยากเห็นความผันผวน แต่เรื่องที่ไปฝืนกลไกตลาด หรือพยายามดึงระดับของค่าเงินให้เป็นไปตามเส้นที่เซตไว้ คงไม่มีและไม่ได้ทำเพราะการฝืนเรื่องการทำงานกลไกตลาดมีความเสี่ยงและการอ่อนค่าของเงินบาทจนกระทบเศรษฐกิจนั้น ยอมรับว่าไทยมีภูมิคุ้มกัน ดุลบัญชีเดินสะพัดดีขึ้นต่อเนื่องถึงปีหน้า จากการฟื้นตัวท่องเที่ยว ภาระหนี้ต่างประเทศต่ำ จึงลดผลกระทบต่อการเก็งกำไรค่าเงินบาท” นายเศรษฐพุฒิ
นายเศรษฐพุฒิ กล่าวอีกว่าสำหรับเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการฟื้นตัวจากการบริโภคในประเทศ ไตรมาส 2 นับว่าเติบโตค่อนข้างดีมีสัดส่วน 7.8%สูงสุดในรอบ 20 ปี เงินเฟ้อเดือน ส.ค. 2566 อยู่ที่ 0.9% นับว่า เงินเฟ้อต่ำสุดในอาเซียนแนวโน้มมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น จากปัญหาเอลนีโญ ราคาเกษตรสูงขึ้น ค่าแรงขั้นต่ำ นโยบายภาครัฐอาจทำให้เงินเฟ้อขยับสูงขึ้น ด้านเสถียรภาพหนี้ี้ครัวเรือน สูง 90.7% ของจีดีพี ยอดหนี้ NPL อยู่ที่ 2.6% ยอมรับว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของไทย ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม ไทยใกล้เคียง มาเลเซีย
“ธปท. เป็นห่วงมากคือ ศักยภาพเศรษฐกิจของไทย เพราะยังมีโรคเรื้อรังหลายปัญหา โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือน ปัญหเชิงโครงสร้าง ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไทยเน้นเรื่องการใช้เงิน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่จุดอ่อนไหวทำให้เกิดปัญหา คือ ปัญหาแรงงาน บุคลากร หนี้ครัวเรือน การศึกษา จึงต้องเบนเข็มหันมาดูแลปัญหาเหล่านี้ เพื่อรักษาอาการรุนแรงขณะนี้”
ด้าน นายอมรเทพ จาวาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เขียนข้อความในเฟซบุ๊ก ว่าเงินบาทอ่อนค่าแรงทะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์ นับว่าอ่อนค่าแรงสุดในกลุ่มเมื่อเดือนกันยายน หากนับจากต้นปีก็อ่อนค่าแทบที่สุด เป็นรองก็เงินเยนที่เกือบไปแตะ 150 เยนต่อดอลลาร์ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น 1.สหรัฐน่าคงดอกเบี้ยสูงลากยาว แต่ไม่น่าขึ้นต่อ(รู้ผลต้นพ.ย.) โอกาสบอนด์ยิลด์ 10 ปี จะลดลงก็เป็นได้ 2.ปัจจัยในประเทศไทยที่ทำให้ต่างชาติกังวล คือ ประเด็นมาตรการทางการคลัง แจกเงินดิจิทัลที่อาจทำให้หนี้ภาครัฐพุ่ง เสียเสถียรภาพ หรือโดนหั่นอันดับความน่าเชื่อถือ ต่างชาติขายหุ้นขายบอนด์ แต่หากมีความชัดเจนถึงที่มาของเงินและมาตรการต่างๆ รวมทั้งประเมินผลต่อเศรษฐกิจที่จะขยายตัวได้ในปีหน้า ความชัดเจนนี้น่าทำให้ต่างชาติพอใจ 3.รายได้ท่องเที่ยวไตรมาสสี่น่าฟื้น ไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัด สนับสนุนความเชื่อมั่นได้
“ถ้าภาพออกมาแบบนี้ ก็ลุ้นให้บาทกลับมาที่ 35 บาทต่อดอลลาร์แต่ถ้าไม่ใช่ เกิดกระแสเงินเฟ้อมาต่อ ราคาน้ำมันพุ่ง รัฐบาลไทยไม่สามารถสร้างความมั่นใจกับมาตรการทางการคลัง โอกาสบาทไหลอ่อนค่าต่อไปถึง 40 บาทต่อดอลลาร์ก็ได้ถึงตอนนั้น เราอาจดูเงินสำรองระหว่างประเทศที่แบงก์ชาติใช้ลดความผันผวนของค่าเงิน ที่วันนี้ก็น้อยกว่าปลายปีก่อนแล้ว จะต้องใช้อีกก็เหนื่อยแต่ผมยังมองว่าบาทไม่น่าอ่อนแรงไปไกลๆ รอดูตัวเลขเศรษฐกิจเดือนนี้กันครับ ขอทำเป็นscenario ไว้ดูดีกว่า”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี