นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค.เล็งเห็นถึงศักยภาพของไทยในการผลิตและส่งออกสินค้ากลุ่มปลาทิลาเพีย (Tilapia) และผลิตภัณฑ์ ซึ่งปลาทิลาเพียเป็นปลาน้ำจืดที่เลี้ยงง่ายและโตเร็ว ตัวอย่างปลาทิลาเพียที่เป็นที่รู้จักและมีความสำคัญทางเศรษฐกิจของไทย ได้แก่ ปลานิล และปลาทับทิม โดยเฉพาะปลานิล ซึ่งไทยมีผลผลิตมากกว่า 2 แสนตันต่อปี แต่ส่วนใหญ่จะใช้บริโภคภายในประเทศเป็นหลัก โดยมีการส่งออกประมาณ 5,000 - 10,000 ตันต่อปีจึงเป็นโอกาสของไทยในการส่งเสริมและผลักดันการส่งออก เพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ
ทั้งนี้จากการติดตามสถานการณ์การค้าปลาทิลาเพียของโลกในปี 2565 พบว่าทั่วโลกมีการนำเข้าปลาทิลาเพียเป็นมูลค่า 1,651.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ผู้นำเข้าสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 849.1 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนถึง 51.4% ของมูลค่าการนำเข้าของทั้งโลก ขยายตัว 13% จากปีก่อนหน้า โดยมีสัดส่วนเกินกว่ากึ่งหนึ่งของมูลค่าการนำเข้าปลาทิลาเพียของทั้งโลก รองลงมา คือ เม็กซิโก 151.7 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 9.2% หดตัว 21%, อิสราเอล 103.9 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 6.3% ขยายตัว 77%, โกตดิวัวร์ 72.9 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 4.4% หดตัว 12% และแคนาดา 60.4 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วน 3.7% ขยายตัว 29% โดย 5 ประเทศรวมกันมีการนำเข้าถึง 75% ของมูลค่าการนำเข้าของทั้งโลก
โดยสินค้าปลาทิลาเพียที่ทั่วโลกนิยมนำเข้าสูงสุด ได้แก่ เนื้อปลาทิลาเพียแบบฟิลเลแช่แข็ง มูลค่า 985.8 ล้านเหรียญสหรัฐ, ปลาทิลาเพียทั้งตัวแช่แข็ง 365.8 ล้านเหรียญสหรัฐ, เนื้อปลาทิลาเพียแบบฟิลเลสดหรือแช่เย็น 224.0 ล้านเหรียญสหรัฐ และปลาทิลาเพียทั้งตัวสดหรือแช่เย็น 75.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้เนื้อปลาทิลาเพียแบบฟิลเลสดหรือแช่เย็น มีราคาต่อหน่วยสูงสุด คือ 7,635 เหรียญสหรัฐ/ตัน
สำหรับประเทศผู้ส่งออกปลาทิลาเพียรายสำคัญของโลก 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน มูลค่า 102,034 ตัน, ไต้หวัน 19,323 ตัน, โคลอมเบีย 17,241 ตัน, อินโดนีเซีย 11,418 ตัน และฮอนดูรัส 10,272 ตัน ทั้งนี้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2561-2565) พบว่าส่วนแบ่งตลาดมูลค่าการส่งออกของจีนลดลงจาก 61.9% ในปี 2561 เหลือ 33.2% ของมูลค่าการส่งออกปลาทิลาเพียของทั้งโลกในปี 2565 ขณะที่โคลอมเบีย จาก 5.5% เพิ่มเป็น 11.8%, ฮอนดูรัส จาก 2.3% เพิ่มเป็น 9.9% และอินโดนีเซีย จาก 5.6% เพิ่มเป็น 9.7% โดยมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น สำหรับไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 8 ของโลก มีส่วนแบ่งตลาดคงเดิมอยู่ที่ 1.1%
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า การส่งออกปลาทิลาเพียของไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2565 มีมูลค่ารวม 5.11 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 173.6 ล้านบาท หดตัว 28.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สินค้าส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ ปลาทิลาเพียทั้งตัวแช่เย็นจนแข็ง มูลค่า 3.27 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 111.11 ล้านบาท ตลาดส่งออกสำคัญ คือ สหรัฐฯ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ , ปลานิลทั้งตัวสดหรือแช่เย็น มูลค่า 1.08 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 36.61 ล้านบาท ตลาดส่งออกสำคัญ คือ กัมพูชา และเมียนมา, เนื้อปลาทิลาเพียแบบฟิลเลแช่เย็นจนแข็งมูลค่า 0.29 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9.88 ล้านบาท
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาเฉพาะปลาทับทิม สินค้าที่มีการส่งออกมากที่สุด คือ ปลาทับทิมทั้งตัวสดหรือแช่เย็น มูลค่า 0.20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6.88 ล้านบาท ตลาดส่งออกสำคัญ คือ มาเลเซีย และปลาทับทิมมีชีวิต มูลค่า 0.03 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.03 ล้านบาท ตลาดส่งออกสำคัญ คือ มาเลเซีย เช่นเดียวกัน
“ปลาทิลาเพียเป็นสินค้าประมงที่มีศักยภาพ อีกทั้งภาครัฐมีการอบรมหลักสูตรต่างๆ อาทิ การเพาะเลี้ยงปลานิลและปลาทับทิม ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรสนับสนุนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการติดตามข้อมูลและหาความรู้อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มมูลค่าสินค้า ซึ่งปัจจุบัน สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย คือ ปลาทิลาเพียทั้งตัวแช่เย็นจนแข็ง ซึ่งเป็นสินค้าที่มีราคาต่อหน่วยต่ำสุด คือ 1,880 เหรียญสหรัฐต่อตัน แต่ไทยส่งออกเป็นสัดส่วนสูงถึง 64.03% ของมูลค่าการส่งออกปลาทิลาเพียทั้งหมดของไทย ขณะที่ไทยส่งออกเนื้อปลาทิลาเพีย
แบบฟิลเลสดหรือแช่เย็น ซึ่งเป็นสินค้าที่มีราคาต่อหน่วยสูงสุด คือ 7,635 เหรียญสหรัฐต่อตัน ในสัดส่วนค่อนข้างต่ำ โดยประเทศที่นิยมนำเข้าเนื้อปลาทิลาเพียฟิลเลสดหรือแช่เย็น ได้แก่ สหรัฐฯ 85.4% แคนาดา 8.3% เปรู 0.7% โดมินิกัน 0.6% และสหราชอาณาจักร 0.5% ของมูลค่าการนำเข้าของทั้งโลก นอกจากนี้ปลาทิลาเพียยังสามารถแปรรูปเป็นอาหารพร้อมรับประทาน และหนังปลา ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการผลิต ก็สามารถแปรรูปเป็นขนมขบเคี้ยวที่มีสารคอลลาเจนให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายได้”นายพูนพงษ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี