มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดันดัชนีเชื่อมั่นฯขยับแค่เล็กน้อย

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดันดัชนีเชื่อมั่นฯขยับแค่เล็กน้อย

วันเสาร์ ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 06.45 น.

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 5,787 ราย ครอบคลุมประชาชนทั่วประเทศ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนกรกฎาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 48.4 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า จากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของภาครัฐ

โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของประชาชนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น คาดว่ามาจาก 1.โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจ อาทิ โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ,โครงการคุณสู้เราช่วยเพื่อบรรเทาภาระหนี้สิน และ2.การส่งออกยังขยายตัวได้ดี


ส่วนปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นของประชาชน ซึ่งส่งผลให้ดัชนีอยู่ในระดับไม่เชื่อมั่น คาดว่ามาจาก 1.ความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีตอบโต้การนำเข้าสินค้าของสหรัฐอเมริกาที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย 2.ความตึงเครียดของสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคง และ3.ภาระหนี้ครัวเรือนและธุรกิจที่ยังคงอยู่ในระดับสูง แม้จะได้รับความช่วยเหลือลดภาระหนี้ผ่านมาตรการต่างๆ ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งภัยธรรมชาติในบางพื้นที่ อาทิ อุทกภัยภาคเหนือ ที่อาจเป็นแรงกดดันที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในระยะต่อไป

ทั้งนี้หากเจาะลึกลงไปถึงปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค พบว่า ด้านเศรษฐกิจไทยส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคมากที่สุด คิดเป็น 48% รองลงมา คือ มาตรการของภาครัฐ 13.19% สังคม/ความมั่นคง 8.71% การเมือง 8.57% เศรษฐกิจโลก 8.54% ราคาสินค้าเกษตร 7.67% ผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 2.68% ภัยพิบัติ/โรคระบาด 1.69% และอื่นๆ 0.95% ตามลำดับ

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายภูมิภาค จำนวน 5 ภูมิภาค พบว่า ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น 1 ภาค ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 53.5 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 47.9 ภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 46.7 ภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 46.1 กรุงเทพฯและปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 45.9 ซึ่งแม้อยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายอาชีพ จำนวน 7 อาชีพ พบว่า มีเพียง 1 กลุ่มอาชีพที่ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น ได้แก่ พนักงานของรัฐ อยู่ที่ระดับ 51.4 ในขณะที่มี 6 กลุ่มอาชีพที่ดัชนีอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น โดยนักศึกษา อยู่ที่ระดับ 49.6 ผู้ประกอบการ และไม่ได้ทำงาน/บำนาญ มีค่าดัชนีเท่ากันอยู่ที่ระดับ 49.3 เกษตรกร อยู่ที่ระดับ 49.0 อาชีพรับจ้างอิสระอยู่ที่ระดับ 47.0 และพนักงานเอกชน อยู่ที่ระดับ 46.9 สำหรับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น โดยอยู่ที่ระดับ 34.6

“ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็นผลมาจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของภาครัฐ อาทิ โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งในการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว และการขยายระยะเวลาเข้าร่วมโครงการคุณสู้เราช่วยเพื่อบรรเทาภาระหนี้สินของประชาชน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคส่วนอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น พร้อมทั้งวางรากฐานสำหรับเศรษฐกิจในระยะยาวต่อไป อย่างไรก็ตามความไม่แน่นอนของสถานการณ์ระหว่างประเทศที่เกิดขึ้น ยังส่งผลสำคัญต่อความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะท่าทีการเจรจาลดภาษีนำเข้าสินค้ากับสหรัฐฯ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาที่อาจเป็นปัจจัยสำคัญต่อความกังวลของประชาชน ทั้งในด้านความมั่นคง สังคม และผลกระทบทางเศรษฐกิจ”นายพูนพงษ์ กล่าว

ทั้งนี้กระทรวงฯได้ขับเคลื่อนมาตรการที่เกี่ยวข้องเพื่อลดความกังวลของประชาชนในทุกมิติ ทั้งในด้านสถานการณ์ภายในและนอกประเทศ อาทิ มาตรการหลักในการบริหารจัดการผลไม้ปี 2568 สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ตลอดจนการจัดกิจกรรมจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาค่าครองชีพของประชาชน สำหรับพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้ง กระทรวงฯได้ดำเนินมาตรการเฉพาะในการควบคุมราคาสินค้าและป้องกันไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลน ตลอดจนเร่งกระจายสินค้าและผลผลิตจากบริเวณชายแดนไปยังพื้นที่อื่น เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม โดยกระทรวงฯได้ติดตามสถานการณ์ในทุกมิติอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมในการกำหนดมาตรการและตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเร่งรัดการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี(FTA) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศต่อไป

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top