นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน จำนวน 5,787 ราย ครอบคลุมประชาชนทั่วประเทศ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนกรกฎาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 48.4 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า จากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของภาครัฐ
โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของประชาชนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น คาดว่ามาจาก 1.โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจ อาทิ โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ,โครงการคุณสู้เราช่วยเพื่อบรรเทาภาระหนี้สิน และ2.การส่งออกยังขยายตัวได้ดี
ส่วนปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นของประชาชน ซึ่งส่งผลให้ดัชนีอยู่ในระดับไม่เชื่อมั่น คาดว่ามาจาก 1.ความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีตอบโต้การนำเข้าสินค้าของสหรัฐอเมริกาที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย 2.ความตึงเครียดของสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคง และ3.ภาระหนี้ครัวเรือนและธุรกิจที่ยังคงอยู่ในระดับสูง แม้จะได้รับความช่วยเหลือลดภาระหนี้ผ่านมาตรการต่างๆ ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งภัยธรรมชาติในบางพื้นที่ อาทิ อุทกภัยภาคเหนือ ที่อาจเป็นแรงกดดันที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในระยะต่อไป
ทั้งนี้หากเจาะลึกลงไปถึงปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค พบว่า ด้านเศรษฐกิจไทยส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคมากที่สุด คิดเป็น 48% รองลงมา คือ มาตรการของภาครัฐ 13.19% สังคม/ความมั่นคง 8.71% การเมือง 8.57% เศรษฐกิจโลก 8.54% ราคาสินค้าเกษตร 7.67% ผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 2.68% ภัยพิบัติ/โรคระบาด 1.69% และอื่นๆ 0.95% ตามลำดับ
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายภูมิภาค จำนวน 5 ภูมิภาค พบว่า ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น 1 ภาค ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 53.5 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 47.9 ภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 46.7 ภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 46.1 กรุงเทพฯและปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 45.9 ซึ่งแม้อยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจำแนกรายอาชีพ จำนวน 7 อาชีพ พบว่า มีเพียง 1 กลุ่มอาชีพที่ดัชนีอยู่ในช่วงเชื่อมั่น ได้แก่ พนักงานของรัฐ อยู่ที่ระดับ 51.4 ในขณะที่มี 6 กลุ่มอาชีพที่ดัชนีอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น โดยนักศึกษา อยู่ที่ระดับ 49.6 ผู้ประกอบการ และไม่ได้ทำงาน/บำนาญ มีค่าดัชนีเท่ากันอยู่ที่ระดับ 49.3 เกษตรกร อยู่ที่ระดับ 49.0 อาชีพรับจ้างอิสระอยู่ที่ระดับ 47.0 และพนักงานเอกชน อยู่ที่ระดับ 46.9 สำหรับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังอยู่ต่ำกว่าช่วงเชื่อมั่น โดยอยู่ที่ระดับ 34.6
“ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็นผลมาจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของภาครัฐ อาทิ โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งในการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว และการขยายระยะเวลาเข้าร่วมโครงการคุณสู้เราช่วยเพื่อบรรเทาภาระหนี้สินของประชาชน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคส่วนอื่นๆ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น พร้อมทั้งวางรากฐานสำหรับเศรษฐกิจในระยะยาวต่อไป อย่างไรก็ตามความไม่แน่นอนของสถานการณ์ระหว่างประเทศที่เกิดขึ้น ยังส่งผลสำคัญต่อความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะท่าทีการเจรจาลดภาษีนำเข้าสินค้ากับสหรัฐฯ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาที่อาจเป็นปัจจัยสำคัญต่อความกังวลของประชาชน ทั้งในด้านความมั่นคง สังคม และผลกระทบทางเศรษฐกิจ”นายพูนพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้กระทรวงฯได้ขับเคลื่อนมาตรการที่เกี่ยวข้องเพื่อลดความกังวลของประชาชนในทุกมิติ ทั้งในด้านสถานการณ์ภายในและนอกประเทศ อาทิ มาตรการหลักในการบริหารจัดการผลไม้ปี 2568 สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ตลอดจนการจัดกิจกรรมจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาค่าครองชีพของประชาชน สำหรับพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้ง กระทรวงฯได้ดำเนินมาตรการเฉพาะในการควบคุมราคาสินค้าและป้องกันไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลน ตลอดจนเร่งกระจายสินค้าและผลผลิตจากบริเวณชายแดนไปยังพื้นที่อื่น เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม โดยกระทรวงฯได้ติดตามสถานการณ์ในทุกมิติอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมในการกำหนดมาตรการและตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเร่งรัดการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี(FTA) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี