ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจได้จัดงานเสวนาประจำปี ในหัวห้อ “เร่งเครื่อง...ติดสปีดเศรษฐกิจไทย” พร้อมทั้งมอบรางวัล CEO Econmass awards 2023ซึ่งในงานี้มีผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐและภาคเอกชนร่วมในการเสวนาครั้งนี้มากมายหลายท่าน
นายกิรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวในเวทีเสวนาว่า แม้ว่าการส่งออกยังติดลบ -3.8% ในช่วง 9 เดือนแรก แต่ตลาดหลักปรับตัวดีขึ้น เพราะการส่งออกเริ่มบวกขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา นับว่าดีขึ้นกว่าหลายประเทศ เพราะยอดส่งออกเดือนกันยายน ของตลาดหลักขยายตัว 51.4%คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นเกือบ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในช่วง 3 เดือนที่เหลือยังมีหวังจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว พร้อมทั้งเดินหน้าเชิงรุกเจรจาเอฟทีเอกับหลายประเทศทั่วโลก เพื่อผลักดันการค้าการลงทุนกับกลุ่มประเทศเป้าหมาย แต่ยังกังวลความสงครามสู้รบอิสราเอลและกลุ่มฮามาส
ด้าน ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า มุ่งผลักดันอุตสาหกรรมแห่งอนาคต 12 กลุ่มหลักรวมถึงการให้บริการ และอุตสาหกรรมซอฟต์ พาวเวอร์ เพื่อสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแรงเหมือนกับเกาเหลี ต้องผลักดันร่วมกับหลายหน่วยงาน เพื่อขายบริการใหม่ทั้งนักท่องเที่ยวในและต่างประเทศ รวมถึงการยกระดับเกษตรอุตสาหกรรม เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกร รวมถึงอุตสาหกรรมชุมชน เพื่อยกระดับรายได้ชุมชน
ส่วนนายสรพล ไพฑูรย์พงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลเดินหน้า โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนำร่องในสายสีแดง มีประชาชนใช้บริการ 3.5หมื่นคนเที่ยวต่อวัน สายสีม่วง มีจำนวน7.5 หมื่นคนเที่ยวต่อวัน นับว่ามีประชาชนใช้บริการมากขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงคมนาคม ยังเดินหน้าเจรจากับรถไฟฟ้าสายสีเขียว สีชมพู และสีเหลืองเพิ่มเติมนอกจากนี้ยังเดินหน้าผลักดันรถเมล์ขสมก. ปรับเปลี่ยนให้เป็นรถไฟฟ้า ทั้งกรุงเทพฯ ชั้นในและรอบนอก และให้เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า นอกจากนี้กระทรวงคมนาคม ยังเร่งสร้างรถไฟฟ้าเส้นทางนครราชสีมา-หนองคาย ขนาดรางมาตรฐานสากล 1.435 เมตร เริ่มในช่วง 2 ปี ข้างหน้า เพื่อดึงดูดการท่องเที่ยว และขนส่งสินค้าไทย-จีน และเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ในภาคใต้ เพื่อผลักดันไทยให้เป็นศูนย์กลางจนส่งสินค้าในภูมิภาค และจะมีนักลงทุนขนาดใหญ่เข้ามาขยายการลงทุนในประเทศเพิ่มเติมในหลายสาขา
ด้าน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากเป้าหมายของรัฐบาลผลักดันจีดีพีไทยขยายตัว 5% เมื่อนายกรัฐมนตรี เป็นเซลส์แมน เดินหน้าเจรจากับนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ นับว่าเดินมาถูกทางมองว่า ขณะที่การออกมาตรการต่างๆ ทั้งมาตรการลดค่าครองชีพลดค่าไฟฟ้า พักหนี้เกษตรกร ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทำให้ประชาชน มีกำลังซื้อนำเงินออกมาใช้จ่ายในครัวเรือน มาตรการต่างๆ ช่วยผลักดันจีดีพีขยายตัวได้0.4-0.5% ในไตรมาส 4 ในส่วนแนวทางฟรีวีซ่า ทำให้จีนเข้าไทยเพิ่มขึ้น และควรทยอยผ่อนคลายให้กับอีกหลายประเทศ
“การเจรจาเอฟทีเอ รัฐบาลต้องกล้าตัดสินใจ การผลักดันการค้าการลงทุนสิ่งสำคัญ คือ การดึงเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ เร่งแก้ไขกฎระเบียบ กฎหมาย รัฐบาล ตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนจริงจัง แต่การสร้างรถไฟฟ้าไทย-จีน ยังล่าช้า จึงเสนอให้รัฐบาลเร่งรัดการก่อสร้าง สำหรับเงินดิจิทัล วอลเล็ต เสนอให้รัฐบาลใช้ระบบเป๋าตัง ที่มีอยู่แล้ว จะมีประโยชน์มากกว่าการลงทุนระบบบล็อกเชนขึ้นใหม่ เพื่อนำเงินดังกล่าวมาลงทุนด้านต่างๆ ได้ เช่น การพัฒนาระบบน้ำ ส่วนการปรับเพิ่มค่าแรง แนะให้ใช้ระบบไตรภาคี และเร่งช่วยเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุน” นายสนั่นกล่าว
นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการอีอีซี กล่าวว่า หลายประเทศเน้นดึงดูดการลงทุนโดยตรง ด้วยการลดแลก แจกแถม ด้วยภาษีและมาตรการต่างๆ ขณะที่ประเทศไทย ขอมุ่งเน้นขายด้านซอฟต์ พาวเวอร์เพิ่มจากศักยภาพความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน เมื่อนักลงทุนเข้ามาอยู่อาศัยในเมืองไทย ต้องอยู่อาศัย สะดวกสบาย ด้วยความพร้อมทุกด้านเพื่ออำนวยความสะดวกการลงทุน ดึงซีอีโอ เข้ามาอาศัยในเมืองไทย เพราะเขตอีอีซี เป็นเมืองเศรษฐกิจแห่งใหม่น่าอยู่อาศัย อีอีซีไม่ใช่การลงทุนเพียงมุมเดียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี