‘มนพร’เร่งตรวจการบ้านหน่วยงานในกำกับดูแล ให้สอดรับกับนโยบายรัฐบาล
16 พฤศจิกายน 2566 นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมาได้มีการ ประชุมติดตามการดำเนินงานหน่วยงานในกำกับดูแลให้เป็นไปตามแผนและสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล ตามที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบอำนาจให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมปฏิบัติราชการแทนในการสั่งการ อนุญาต อนุมัติ ปฏิบัติราชการหรือดำเนินการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะพึงปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง หรือมติของคณะรัฐมนตรีเพื่อให้การคมนาคมขนส่งสาธารณะและการขนส่งสินค้าของประเทศไทยเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ ตนได้รับมอบหมายให้ดูแลส่วนราชการและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงฯ จำนวน 5 หน่วยงาน ได้แก่ จท. กทท. ขสมก. สบพ. และ รทส. จึงได้ให้หน่วยงานดังกล่าวเข้าพบ เพื่อรายงานและติดตามผลการดำเนินงาน โดยได้เร่งรัดแนวทางการดำเนินงานไปสู่การปฏิบัติ (Action Plan) ในโครงการต่าง ๆ ประกอบด้วย คือ มอบให้ จท. ทบทวนและปรับปรุงพระราชบัญญัติการส่งเสริมการพาณิชยนาวีให้มีความทันสมัย โดยแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อดูแลเรื่องนี้ต่อไปรวมทั้งศึกษาการนำนโยบายการขุดลอกต่างตอบแทนไปดำเนินงานในทุกภาคของประเทศไทย เพื่อรองรับเรือสินค้าที่มาจากต่างประเทศและช่วยในการจัดการจราจรทางน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ได้กำชับให้ จท. เพิ่มความปลอดภัยของท่าเรือทุกแห่ง ด้วยการเพิ่มเจ้าหน้าที่ประจำท่าเรือ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกปลอดภัยต่าง ๆ ป้ายเตือน ป้ายบอกทางและแสงสว่างให้เพียงพอเพื่อรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลวันลอยกระทงและวันขึ้นปีใหม่ให้ได้รับความสะดวก และมีความปลอดภัยสูงสุด
ขณะเดียวกันให้ กทท. ผลักดันโครงการเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าระหว่างการคมนาคมทางบก ทางราง และทางน้ำอย่างไร้รอยต่อ (Seamless Transport) โดยให้ความสำคัญกับช่วงเวลาการรับ – ส่งสินค้าระหว่างระบบขนส่งให้มีความสัมพันธ์กัน สามารถรับ – ส่งได้ทันที โดยไม่เกิดช่วงการรอนานเกินไป สำหรับโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือเพื่อรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ที่ กทท. อยู่ระหว่างการศึกษานั้น ได้เน้นย้ำว่า ท่าเทียบเรือต้องเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้า 100% เพื่อเป็นต้นแบบท่าเทียบเรือที่ส่งเสริมพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน พร้อมนี้ได้เร่งรัดการดำเนินโครงการก่อสร้างท่าเรือระนอง ซึ่ง กทท. ได้ดำเนินการออกแบบ (Detail Design) และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้วเสร็จ อยู่ระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณารับรองผลการศึกษา และกำชับให้ดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ให้เป็นไปตามแผนงานอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ยังมอบให้ ขสมก. พิจารณาเยียวยาผู้ถือบัตรโดยสารรายเดือนของ ขสมก. ภายหลังกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) มีหนังสือแจ้งให้ ขสมก. ยกเลิกใบอนุญาตประกอบการขนส่งในเส้นทางเดิมของ ขสมก. ที่ทับซ้อนกับเส้นทางของผู้ประกอบการเดินรถเอกชน ส่งผลกระทบให้ประชาชนเสียผลประโยชน์ เร่งรัดโครงการจัดหารถโดยสารพลังงานสะอาดจำนวน 2,000 คัน ในราคาที่เหมาะสม และวางแผนการคำนวณอัตราค่าโดยสารในราคาย่อมเยาว์ ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ และ ขสมก. ไม่ขาดขุน
อย่างไรก็ตามให้ สบพ. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สามารถผลิตบุคลากรรองรับความต้องการของท่าอากาศยานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ศึกษาแนวทางการเพิ่มรายได้และจำนวนศึกษา รวมทั้งประสานงานกับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานภาครัฐที่มีความต้องการให้บุคลากรเข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรที่ สบพ. จัดขึ้น
นอกจากนี้ยังมอบให้ รทส. เร่งรัดดำเนินโครงการปรับปรุงโรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ลงนามในสัญญาภายในเดือนเมษายน 2567 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการและมีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยว
ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานดำเนินงานให้สอดคล้องกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น (Quick-Win) ของรัฐบาล และปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผนในระยะต่าง ๆ ของหน่วยงาน ซึ่งต้องจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลัง และเกิดประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุดต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี