บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เตรียมเปิดตัวยนตรกรรมสุดหรู XM Label Red ภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 โดยรถยนต์รุ่นนี้เป็นรถยนต์ตระกูล XM ที่มาพร้อมสมรรถนะสูงสุดเท่าที่เคยมีมา ผลิตทั่วโลกเพียง 500 คันเท่านั้น

บีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red รถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ หรือ Sports Activity Vehicle (SAV) ที่รวบรวมเอาที่สุดแห่งขุมพลัง ความพิเศษ และความหรูหรา ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า จากระบบปลั๊กอินไฮบริดสมรรถนะสูง สมกับที่เป็นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M มาพร้อมการระบุเลขรหัส “1 of 500” บนป้ายบริเวณด้านล่างของจอ Control Display บ่งบอกถึงความเป็นรถ “ลิมิเต็ด เอดิชั่น”อย่างแท้จริง

ไฮไลท์ที่โดดเด่น คือ สีตัวถังภายนอกสีดำ BMW Individual Frozen Carbon Black Metallic กระจังหน้าทรงไตคู่ ตามแบบฉบับบีเอ็มดับเบิลยู Mพร้อมขอบสองชั้นรูปทรงแปดเหลี่ยมที่ด้านหน้ามาในรูปทรงแนวนอนอันโดดเด่น ซึ่งเป็นจุดเด่นของรถสปอร์ตสมรรถนะสูงจากบีเอ็มดับเบิลยู M ขอบด้านนอกของกระจังหน้าทรงไตคู่แต่ละข้าง ตกแต่งด้วยสีแดง Toronto Red metallic ในขณะที่ขอบด้านในมากับไฟ Iconic Glow รูปทรงโค้งมนเป็นวงแหวนไฟ ที่ให้แสงอย่างคมชัดและต่อเนื่อง แถบเน้นสีมันวาวตัดกับพื้นผิวสีแบบด้าน ซึ่งส่องแสงระยิบระยับทำให้ภายนอกของบีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red มีลักษณะที่น่าดึงดูดใจเป็นพิเศษ

เครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 พร้อมเทคโนโลยี M TwinPower Turbo ระบบขับเคลื่อน M HYBRID กําลังรวมสูงสุด 550 กิโลวัตต์/748 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,000 นิวตันเมตร เครื่องยนต์สันดาปยังให้กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 430กิโลวัตต์/585 แรงม้า ที่ 5,600-6,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 750 รอบต่อนาที ที่ 1,800-5,400 รอบต่อนาที

ส่วนระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์สูงสุดที่ 145 กิโลวัตต์/197 แรงม้า พร้อมแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 280 นิวตันเมตร อัตราเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม.ในเวลาเพียง 3.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 290 กม./ชม. โดยมีระยะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลถึง 96 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ 4 ล้อ M xDrive ช่วยถ่ายทอดกำลังที่เกิดจากเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้า ไปที่ล้อทั้งสี่
ได้อย่างแม่นยำ ระบบเฟืองท้าย M Sport ช่วยเสริมสมรรถนะของรถ ด้วยการกระจายกำลังขับเคลื่อนระหว่างล้อหลังช่วยให้ตัวรถยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้นช่วงล่างแบบ Adaptive M Suspension Professional ระบบช่วยการขับขี่รุ่น Professional มอบความปลอดภัยและมั่นใจสูงสุดในทุกการเดินทาง ด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น Stop&Go ที่ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาความเร็วของรถ ในระดับที่ต้องการและคงระยะห่างจากรถคันหน้าให้สม่ำเสมอเท่านั้น แต่ยังช่วยให้รถยนต์อยู่ในเส้นทางอย่างคงที่ ด้วยระบบบังคับพวงมาลัยรวมทั้งมีระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติรุ่น Plus ยังช่วยให้การจอดรถ และการบังคับรถทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยเบาะหนังสีดำ Black ตัดกับสีแดง Fiona Red BMW Individual Merino โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยส่วนประกอบแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เช่น ตราสัญลักษณ์ “XM” สีแดง ตรงใต้หน้าจอ Control Display และแถบตกแต่งภายในคาร์บอนไฟเบอร์แบบซาติน ประดับด้วยด้ายสีแดง และน้ำเงิน พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M มีส่วนประกอบตกแต่งในสีดำโครเมียม พร้อมด้วยปุ่ม M และแป้นเปลี่ยนเกียร์คาร์บอน ซึ่งมีสัญลักษณ์บวกและลบเป็นสีแดง รวมถึง ติดตั้งตราสัญลักษณ์ที่ระบุโหมดการขับขี่แบบ Boost Mode บนแป้นเปลี่ยนเกียร์ด้านซ้าย ส่วนห้องโดยสารด้านท้ายแบบ M Lounge

ด้านความปลอดภัย ติดตั้งระบบ Teleservices ตัวยึดคาร์ซีทสำหรับเด็ก ISOFIX ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist) เซ็นเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) ระบบ Active Protection และระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้าง เพื่อมอบความอุ่นใจตลอดการเดินทางและทุกจุดหมายปลายทาง

บีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red มาพร้อมผ้าบุหลังคาเปรียบเสมือนประติมากรรม 3 มิติ ลวดลายแบบปริซึมมีกรอบล้อม พร้อมด้วยหลอดไฟ LED กว่า 100 ดวง ที่ให้แสงสว่างสร้างบรรยากาศที่งดงาม ลงตัวในทุกอารมณ์และเหมาะสมกับทุกเส้นทาง แผงหน้าปัดที่ตกแต่งด้วยเครื่องหนัง สร้างความสะดุดตาและเพิ่มความหรูหราให้กับภายใน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน ระบบเสียงรอบทิศทาง Bowers & Wilkins Diamond surround พร้อมด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยอีกมากมาย

ผู้ที่สนใจสามารถไปยลโฉมบีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red ได้ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 สำหรับราคาจำหน่ายอยู่ที่ 17,499,000 บาท
(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมBSI Standard)