ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม (Milk Board) ครั้งที่ 1/2567 มีมติเห็นชอบออกประกาศปรับขึ้นราคากลางรับซื้อน้ำนมดิบ 2.25 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นราคาหน้าโรงงานแปรรูปและผลิตภัณฑ์นม โดยปรับจากเดิมกิโลกรัมละ 20.50 บาท เป็นกิโลกรัมละ 22.75 บาท และราคากลางรับซื้อน้ำนมดิบ ณ ศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบ จากเดิมกิโลกรัมละ 19 บาท เป็นกิโลกรัมละ 21.25 บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรโคนม เมื่อต้นเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ รับมติของ Milk Board มาพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการปรับราคาผลิตภัณฑ์นม ซึ่งจะพิจารณาตามต้นทุนที่แท้จริง และสัดส่วนการใช้น้ำนมดิบ ทั้งนี้ผู้ประกอบการสามารถยื่นขอปรับราคามาได้ โดยอ้างอิงจากมติ Milk Board ดังกล่าว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดเข้ามาขอยื่นปรับขึ้นราคา
โดยผลิตภัณฑ์นมที่อยู่ในข่ายจะขอปรับราคาได้ มีทั้ง นมยูเอชที (Utra High Temperature Milk : UHT) นมพาสเจอร์ไรส์ (Pasteurized Milk) และนมสเตอริไลซ์ (Sterilized Milk) เป็นต้น แต่การปรับราคาจะขึ้นอยู่กับสัดส่วนการใช้น้ำนมดิบ อาทิ นมจืด อาจจะมีผลต่อราคามากกว่านมชนิดอื่น ซึ่งเบื้องต้นการปรับราคาน้ำนมดิบครั้งนี้น่าจะเฉลี่ย 40-50 สตางค์ต่อกล่อง ขนาดบรรจุมาตรฐาน 225 มิลลิลิตร โดยหากมีการยื่นขอปรับราคามายังกรมการค้าภายใน ก็จะมีการพิจารณาภายใน 15 วัน
“ภายหลังจากที่ Milk Board มีมติให้ปรับราคาน้ำนมดิบหน้าโรงงาน 2.25 บาทต่อลิตรจะทำให้ราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบปรับขึ้นราคา 40-50 สตางค์ต่อลิตร ก็ต้องขึ้นอยู่สัดส่วนของการใช้น้ำนมดิบในแต่ละชนิด แต่นมจืดอาจจะใช้น้ำนมดิบเยอะ นมรสต่างๆก็สัดส่วนลดลงมาต่างกัน อย่างไรก็ตามแม้จะมีการปรับขึ้นราคาน้ำนมดิบ ก็ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดเข้ามายื่นขอขึ้นราคาในตอนนี้ หากผู้ประกอบการจะเข้ายื่นขอปรับราคาตามต้นทุนที่เกิดขึ้น ก็สามารถดำเนินการได้ โดยจะต้องยื่นเอกสาร หลักฐานที่ครบถ้วน เพื่อใช้ในการประกอบการพิจารณาการปรับขึ้นราคา ซึ่งต้องเป็นข้อมูลและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยคณะกรรมการจะทำการพิจารณาจากข้อมูลทั้งหมดซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 15 วัน หากเป็นไปตามเอกสาร ข้อเท็จจริง ก็จะพิจารณาให้มีการปรับขึ้นตามความเหมาะสมที่เกิดขึ้นต่อไป” ร.ต.จักรา กล่าว
ในขณะที่ราคาสินค้าอื่นๆนั้น ส่วนใหญ่ยังทรงตัว ทั้งราคาข้าวเปลือก ที่ทรงตัวจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยข้าวเปลือกหอมมะลิราคาเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 14,700 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,150 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี ตันละ 14,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 12,550 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 13,300 บาท เช่นเดียวกับมันสำปะหลัง ที่ราคาทรงตัวจากสัปดาห์ที่แล้ว เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3 บาท 65 สตางค์ ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคาลดลงเล็กน้อย เฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 9 บาท 83 สตางค์และราคาหน้าโรงงาน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10 บาท 34 สตางค์ ขณะที่ผลปาล์มน้ำมัน ราคาปรับขึ้นเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน อยู่ที่กิโลกรัมละ 6.50 บาท ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มขวด ยังเฉลี่ยใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่แล้ว ขวดละ 45.38 บาท
ส่วนราคาเนื้อไก่ ทรงตัวจากสัปดาห์ที่แล้วชิ้นส่วนน่องติดสะโพก เฉลี่ยกิโลกรัมละ 81 บาท เนื้อน่อง 83 บาทต่อกิโลกรัม สะโพก กิโลกรัมละ 85 บาท มีเพียงเนื้อหมู ปรับขึ้นเฉลี่ยกิโลกรัมละ133 บาท 69 สตางค์ ปรับขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้วอยู่ที่ 132 บาท 47 สตางค์ และไข่ไก่ คละหน้าฟาร์มฟองละ 3 บาท 70 สตางค์ ปรับขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 10 สตางค์ ส่วนราคาขายปลีกไข่ไก่ เบอร์ 3 เฉลี่ยฟองละ 4 บาท 10 สตางค์ ซึ่งกรมการค้าภายในได้รับนโยบายการทบทวนโครงสร้างราคาสินค้าเกษตรทั้งระบบจาก นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยจะเร่งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับข้อมูลมาพิจารณาเพื่อรักษาสมดุลให้อยู่ได้ทุกฝ่าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี