nn เมื่อสัปดาห์ก่อนฝ่ายวิจัยของธนาคารพาณิชย์ 3-4 แห่งต่างออกมาฉายภาพทิศทางเศรษฐกิจไทยไปในทิศทางเดียวกันว่าจะเติบโตได้น้อยกว่าที่เคยประเมินไว้คืออยู่ในระดับแค่ 2.5-2.7% เท่านั้น...โดยได้แรงหนุนระดับหนึ่งจากภาคการบริโภคที่เติบโตได้จากภาคการท่องเที่ยว
ประเด็นสำคัญที่ฝ่ายวิจัยของธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งเห็นตรงกันคือเศรษฐกิจไทยจะไม่มีศักยภาพพอที่จะเติบโตในระดับ 3-4% อีกแล้วถ้าไม่เร่งแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทย ที่สั่งสมมานาน โดยเฉพาะปัญหาเชิงโครงสร้างในภาคการผลิต
ปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยมีอะไรบ้าง...1. ผลิตภาพการผลิต (Total factor productivity)ของไทยต่ำลงเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งจากปัญหาผลิตภาพแรงงานไทยลดลงและกฎเกณฑ์ภาครัฐจำนวนมากที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ 2.ผู้ผลิตของไทยส่วนใหญ่ยังคงผลิตสินค้าที่เป็นเทคโนโลยีแบบเก่าซึ่งไม่เป็นที่ต้องการของตลาดโลกอีกแล้ว
ข้อ 3. ปัจจัยทุน (Capital) ของไทยที่มีแนวโน้มลดลงจากสัดส่วนการลงทุนในประเทศที่ลดลงกว่าครึ่ง เหลือประมาณ 24% ของ GDP ในช่วง 2 ทศวรรษหลัง และความสามารถในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (FDI) ของไทยต่ำลงหากเทียบประเทศในภูมิภาคอาเซียน และ 4. ปัจจัยกำลังแรงงาน (Labor) ที่มีแนวโน้มลดลงจากการเข้าสู่สังคมสูงวัยเร็วขึ้น 5.เศรษฐกิจไทยมีความอ่อนไหวสูงมากต่อปัญหาของการเพิ่มขึ้นด้านต้นทุน ไม่ว่าจะมาจากค่าแรง ต้นทุนด้านพลังงาน ต้นทุนด้านการเงิน 6.ปัญหาการกระจายตัวของความมั่งคั่งที่เกิดขึ้น เม็ดเงินที่หมุนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ กระจุกตัวอยู่แต่เฉพาะกลุ่มทุนขนาดใหญ่เท่านั้น 7.ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มากและเพิ่มความรุนแรงขึ้นทุกขณะ และไม่มีท่าทีว่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้เลย 8.กลุ่มธุรกิจและครัวเรือนเปราะบาง กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักต่อภาระที่หนี้สินที่เพิ่มขึ้น สวนทางกับรายได้ที่ลดลง ฯลฯ
“การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมของไทยยังผูกโยงกับห่วงโซ่อุปทานเก่าอยู่มาก และการที่เศรษฐกิจไทยเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจีนและห่วงโซ่การผลิตจีนมากท่ามกลางกระแสภูมิรัฐศาสตร์โลก รวมถึงความสามารถของภาคการผลิตไทยในการปรับตัวกับห่วงโซ่การผลิตโลกใหม่และรูปแบบความต้องการสินค้าในตลาดโลกที่เปลี่ยนไปได้ช้า การจะเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของภาคส่งออกไทยจึงทำได้ยากดังนั้นการยกระดับขีดความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยี และการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานให้ยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อเชื่อมโยงและเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานโลกใหม่ จึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน”
ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องเร่งลงมือแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างเร่งด่วนเพราะไม่เช่นนั้น ประเทศไทยจะไม่เพียงแต่”ติดกับดักประเทศรายได้ปานกลาง”...แต่อาจจะรุนแรงถึงขึ้นที่ผลักให้ประเทศไทยตกไปอยู่ในประเทศที่มีการพัฒนาต่ำที่สุดในอาเซียนได้เลยทีเดียว หรืออาจจะตลกลงไปในกลุ่มประเทศที่มีจำนวนของผู้ยากจนจำนวนมากในอันดับต้นๆ ของโลกก็เป็นไปได้
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี