นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ข้อมูลของกรมศุลกากรการส่งออกข้าวช่วง 3 เดือนแรกของปี (ม.ค.-มี.ค. 2567) มีปริมาณ 2,464,585 ตัน มูลค่า 56,730 ล้านบาท หรือ1,611.2 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปริมาณเพิ่มขึ้น 19.4% และมูลค่าเพิ่มขึ้น 49.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2566 ที่ส่งออกปริมาณ 2,063,910 ตัน มูลค่า 38,067 ล้านบาท หรือ 1,125.3 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการส่งออกข้าวในเดือนมี.ค. 2567 พบว่ามีปริมาณ 716,619 ตัน มูลค่า 17,329 ล้านบาท ซึ่งปริมาณลดลง 10.4% และมูลค่าลดลง 6.5% เมื่อเทียบกับเดือนก.พ. ที่มีการส่งออกมีปริมาณ 800,225 ตัน มูลค่า 18,531 ล้านบาท โดย 3 เดือน อินเดียยังคงเป็นผู้ส่งออกข้าวเบอร์หนึ่ง มีปริมาณส่งออกที่ 4.30 ล้านตัน ลดลง 28.1% ขณะที่ไทยส่งออกเป็นเบอร์ 2 มีปริมาณ 2.46 ล้านตันเพิ่มขึ้น 19.4% เวียดนาม ปริมาณ 2.18 ล้านตันและปากีสถาน มีปริมาณ 1.98 ล้านตัน
นายเจริญกล่าวอีกว่า เดือนก.พ. การส่งออกข้าวนึ่ง ข้าวหอมมะลิ และปลายข้าวมีปริมาณลดลงจากเดือนก่อน โดยเฉพาะข้าวนึ่ง ที่ในปีนี้ปริมาณส่งออกลดลงมากกว่า 50% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการของประเทศผู้ซื้อลดลง ประกอบกับข้าวนึ่งของอินเดียยังคงมีราคาต่ำกว่าไทยมาก จึงทำให้ผู้ซื้อหันไปซื้อข้าวนึ่งจากอินเดีย โดยการส่งออกข้าวนึ่งมีปริมาณเพียง 41,295 ตัน ลดลง 5.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ตลาดหลัก เช่น แอฟริกาใต้ เยเมน เป็นต้น ส่วนการส่งออกข้าวหอมมะลิ (ต้นข้าว) มีปริมาณ 109,448 ตัน ลดลง 4.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน มีตลาดหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง สิงคโปร์ แคนาดา จีน สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ส่วนในกลุ่มของข้าวขาวยังคงมีการส่งออกอย่างต่อเนื่องมีปริมาณ 479,866 ตันใกล้เคียงกับเดือนก่อน ตลาดหลัก เช่นอินโดนีเซีย โมซัมบิก อิรัก มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น เบนิน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในเดือนเม.ย.ปริมาณส่งออกข้าวจะอยู่ที่ระดับประมาณ 800,000 ตัน เนื่องจากผู้ส่งออกยังคงมีสัญญาที่ต้องเร่งส่งมอบข้าวให้กับผู้ซื้อ โดยเฉพาะในกลุ่มของข้าวขาวซึ่งส่วนใหญ่ยังคงส่งไปยังประเทศในแถบอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น รวมทั้งตลาดหลักในภูมิภาคแอฟริกา เช่น โมซัมบิก แองโกล่า ไอวอรี่โคสต์ และตะวันออกกลาง เช่น อิรัก ประกอบกับเริ่มมีการส่งมอบข้าวให้อินโดนีเซียตามสัญญาส่งมอบแบบรัฐต่อรัฐบ้างแล้ว
ขณะที่ตลาดนำเข้าข้าวหอมมะลิที่สำคัญ ทั้งในภูมิภาคอเมริกา เช่น สหรัฐฯ แคนาดา และภูมิภาคเอเชีย เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ รวมทั้งตลาดยุโรป ยังคงนำเข้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อชดเชยอุปทานข้าวในประเทศที่ลดลง ประกอบกับในช่วงนี้ค่าเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางที่อ่อนค่า จึงช่วยทำให้ราคาข้าวของไทยอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ และจูงใจให้ผู้ซื้อหันมาหาข้าวไทยมากขึ้น โดยราคาข้าวขาว 5% ของไทย อยู่ที่ 599 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน เวียดนามอยู่ที่ 579-583 เหรียญสหรัฐต่อตัน และปากีสถานอยู่ที่ 578-582 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนราคาข้าวนึ่งไทยอยู่ที่ 602 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ข้าวนึ่งอินเดีย อยู่ที่ 537-541 เหรียญสหรัฐต่อตัน และปากีสถานอยู่ที่ 601-605 เหรียญสหรัฐต่อตัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี