นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยประกันชีวิต หรือ TLI เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ว่า บริษัทฯ มีมูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ อยู่ที่ 1,836 ล้านบาท เพิ่ม 7.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยอัตรากำไรของธุรกิจใหม่ เพิ่มขึ้น 6.1 จุด โดยมีอัตราถึง 62.3% สะท้อนถึงการดำเนินกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

มูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 เติบโตทุกช่องทางการขาย ซึ่งบริษัทฯ มุ่งเน้นกลยุทธ์การขายผ่านช่องทางที่หลากหลาย โดยช่องทางตัวแทนประกันชีวิตมีอัตรากำไรของธุรกิจใหม่ที่สูงขึ้นถึงระดับ 65.7% เป็นผลมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการขายที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล มากขึ้น ผ่านการใช้เครื่องมือในการทำงานที่ทันสมัย คือ แอปพลิเคชั่น MDA 4 PLUS และมุ่งเน้นการขายผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดผลกำไรอย่างยั่งยืน ขณะที่ช่องทางพันธมิตรยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากการที่บริษัทฯ ร่วมมือกับพันธมิตรหลักต่างๆ อย่างใกล้ชิดเพื่อเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

ด้านเบี้ยประกันภัยรับ บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE)2,945 ล้านบาท และมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 21,360 ล้านบาท เติบโต 12.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนโดยกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2567 สูงถึง 3,132 ล้านบาท กำไรส่วนใหญ่ยังคงมาจากกำไรจากการรับประกันภัย 1,720 ล้านบาท ส่วนกำไรจากการลงทุน ถึงแม้สภาวะตลาดในประเทศยังคงชะลอตัว บริษัทฯ ยังคงสามารถทำกำไรจากการลงทุน จากพอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงทั้งในและนอกประเทศ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 มากกว่า 80% ของสินทรัพย์ลงทุนทั้งหมดเป็นรูปแบบหนี้สินที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับกลุ่มน่าลงทุน

อัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน หรือ CAR Ratio ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 อยู่ที่ 391% สูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)กำหนดอยู่ที่ 140%