นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า กรมฯได้วิเคราะห์ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ขึ้นแท่นดาวเด่นเด้งแบบก้าวกระโดด 4 เดือนแรกของปี 2567 ทุนจดทะเบียนทะยานขึ้นกว่า 146.44% เทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ประกอบกับอัตราการจดทะเบียนตั้งใหม่ปี 2566 โตแซงปีก่อนหน้าทั้งจำนวนและทุนจดทะเบียนเพิ่มถึง 20% และเห็นรายได้ปี 2565 ชัดเจนกว่า 12,895.15 ล้านบาท พิจารณาย้อนหลัง 3 ปี (2563-2565) ฟันรายได้รวม 33,009.84 ล้านบาท
โดยเฉพาะซีรี่ส์วายช่วยพลิกอุตสาหกรรมหนังไทยให้เป็นโอกาสของธุรกิจบันเทิง นำเสนอคอนเทนต์ตรงใจผู้บริโภค ตอกย้ำความเสรีและเคารพความหลากหลายทางเพศในประเทศไทย ซึ่งซีรี่ส์วายเป็นเนื้อหาที่มีศักยภาพสูงสามารถทำตลาดในต่างประเทศได้ รวมถึงยังสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับธุรกิจประเภทอื่นๆ ทั้งด้านธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจสถานที่จัดการแสดง ธุรกิจโฆษณา ทั้งนี้ ซีรี่ส์วายยังเป็นกลุ่มธุรกิจที่กระทรวงพาณิชย์ให้การสนับสนุนอย่างดีเพื่อช่วยจับคู่ธุรกิจ และเชื่อมโยงสินค้าไทยให้แทรกซึมอยู่ในซีรี่ส์วาย จนกลายเป็น Soft Powerของไทยและระดับโลก
“ธุรกิจผลิตภาพยนตร์เติบโตอย่างก้าวกระโดดและเป็นที่น่าสนใจและสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น เมื่อพิจารณาย้อนหลังกลับไป 3 ปี (2564-2566) ที่ประเทศไทยอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การจัดตั้งใหม่และทุนการจดทะเบียนของธุรกิจผลิตภาพยนตร์มีอัตราเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2566 มีธุรกิจผลิตภาพยนตร์ที่จดทะเบียนนิติบุคคลจำนวน 137 ราย ทุนจดทะเบียน 258 ล้านบาท เติบโตจากปี 2565 ถึง 20% และปี 2567 ในช่วง 4 เดือนแรก (มกราคม-เมษายน) มีจำนวน 56 ราย เติบโตขึ้น 12% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 และทุนจดทะเบียน 195.18 ล้านบาท เติบโตขึ้น 146.44% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566” นางอรมนกล่าว
ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ที่จดทะเบียนนิติบุคคลจนถึงปัจจุบัน (30 เมษายน 2567) มีทั้งสิ้น 1,442 รายมูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 7,387.97 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็กจำนวน 1,383 ราย (95.91%) มูลค่าทุน 4,843.07 ล้านบาท ธุรกิจขนาดกลางจำนวน 55 ราย (3.81%) มูลค่าทุน 1,629.91 ล้านบาท และขนาดใหญ่ 4 ราย (0.28%) มูลค่าทุน 915 ล้านบาท โดยธุรกิจจะตั้งอยู่ตามพื้นที่เศรษฐกิจที่มีกลุ่มประชากรหนาแน่นเพื่อความสะดวกในการติดต่อและเจรจาธุรกิจอย่างภาคกลางเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวิเคราะห์การเติบโตของธุรกิจผลิตภาพยนตร์ผ่านข้อมูลผลประกอบการรายได้และกำไร พบว่ารายได้ในปี 2565 อยู่ที่ 12,895.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากปี 2564 ที่มีรายได้ 9,761.54 ล้านบาท และรายได้รวมย้อนหลัง 3 ปี (2563-2565) สร้างรายได้รวม 33,009.84 ล้านบาท
การพลิกวิกฤตของอุตสาหกรรมหนังไทยให้กลับมาทำกำไรได้คือสัญญาณเชิงบวกในการฟื้นตัวของธุรกิจ เป็นผลมาจากการพัฒนาธุรกิจให้มีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น การนำเสนอมุมมองใหม่ๆ โดยเฉพาะการสร้างสรรค์เนื้อเรื่องในรูปแบบซีรี่ส์วายที่กำลังเป็นกระแสความนิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ และมีศักยภาพสูงในการทำตลาดต่างประเทศ สอดรับกับสังคมไทยที่เปิดกว้างและเคารพในความหลากหลายทางเพศ ทำให้ประเทศไทยเกิดมุมมองที่ดีในสายตาต่างชาติการสื่อสารอัตลักษณ์ของความเป็นไทยกับเสรีภาพทางเพศผ่าน Content ซีรี่ส์วายจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการยอมรับจากนานาชาติและสร้างเศรษฐกิจเติบโตได้อีกทาง
โดยซีรี่ส์วายไม่ใช่แค่ธุรกิจผลิตละครหรือหนังไทย แต่ยังสร้างความสำคัญและมูลค่าให้กับธุรกิจอื่นๆ อาทิ เมื่อดูซีรี่ส์จบแต่ธุรกิจยังไม่จบแค่นั้นยังสร้างมูลค่าให้ตัวนักแสดงต่อเนื่องจากนักแสดงกลายเป็น Influencer ที่มีอิทธิพลทางความคิดของแฟนคลับ มีการจัดกิจกรรม Fan Meeting ทำให้เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอื่นทั้งธุรกิจให้บริการสถานที่จัดงาน ธุรกิจรับจัดงานแสดง ธุรกิจผลิตของชำร่วย การตามรอยสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ เพลงประกอบซีรี่ส์ มากไปกว่านั้นธุรกิจโฆษณาที่แฝงไปกับซีรี่ส์ก็ยังได้รับอานิสงส์ดีให้ธุรกิจโตตามไปด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี