นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28-30 มิถุนายน 2567ที่ผ่านมา ได้นำคณะผู้บริหารของกรมฯลงพื้นที่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อส่งเสริมเกษตรกรและผู้ประกอบการใช้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) เป็นเครื่องมือสร้างแต้มต่อทางการค้าขยายการส่งออกไปตลาดต่างประเทศ และใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรีที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นการทำงานภายใต้โครงการประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อสร้างความตะหนักรู้เกี่ยวกับการเจรจาจัดทำความตกลง FTA
โดยได้ลงพื้นที่พบปะหารือเกษตรกรและสมาชิกสหกรณ์ พร้อมเยี่ยมชมกระบวนการผลิตนมอัดเม็ดและนมพาสเจอร์ไรส์ ณ สหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค ห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัดซึ่งเป็นผู้ประกอบการเครือข่ายของกรมฯที่เข้าร่วมโครงการ“โคนมไทยก้าวไกล ขยายตลาดส่งออกได้ด้วย FTA” อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562ถึงปัจจุบัน ที่กรมฯได้ติดอาวุธความรู้เรื่อง FTA การค้าระหว่างประเทศ กลยุทธ์การทำตลาดแบบออนไลน์และออฟไลน์ การเขียนแผนธุรกิจ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน
ทั้งนี้ สหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค ห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด ที่กรมฯได้ลงพื้นที่พบหารือและเยี่ยมชมกระบวนการผลิตและแปรรูปในครั้งนี้ เป็น 1 ในสหกรณ์ในพระราชดำริ ที่กรมฯให้การสนับสนุน นอกเหนือจากสหกรณ์โคนมวาริชภูมิสกลนคร สหกรณ์โคนมพัทลุง และองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ซึ่งสหกรณ์แห่งนี้มีศูนย์รับน้ำนมดิบทั้งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดเพชรบุรี สามารถรวบรวมน้ำนมดิบได้ 18 ตันต่อวัน จากโคนมของสมาชิกทั้งหมด 3,247 ตัว และบริการตรวจคุณภาพน้ำนม รวมทั้งเป็นสหกรณ์ที่มีเครื่อง Spray Dryer 1 ใน 3 ของประเทศ ที่ใช้น้ำนมดิบของเกษตรกรในพื้นที่มาผลิตเป็นนมผงและนมอัดเม็ด มีศักยภาพในการผลิต 1 ตันต่อวันอีกทั้งยังมีโรงงานผลิตอาหารสัตว์ให้กับสมาชิก ทำให้ช่วยลดต้นทุนในการเลี้ยงโคนม สร้างอาชีพและเพิ่มรายได้ให้กับสมาชิกและประชาชนในชุมชน
นอกจากนี้กรมฯได้ลงพื้นที่ ควาลิตี้ไทม์ฟาร์มสเตย์ เป็นแหล่งปลูกทุเรียนหลายสายพันธุ์ อาทิ หมอนทอง และพวงมณี โดยเฉพาะทุเรียนหมอนทองป่าละอู ที่ได้ขึ้นทะเบียนสินค้าส่ิงบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) และมีเอกลักษณ์โดดเด่น คือ มีรสหวาน เนื้อหนาเนียนละเอียด สีเหลืองอ่อน เนื้อแห้งมีความมันมากกว่าความหวาน กลิ่นไม่รุนแรง ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของคนไทยและต่างชาติ
นางสาวโชติมา กล่าวว่า FTA ไทย-ออสเตรเลีย และ FTA ไทย-นิวซีแลนด์ มีผลบังคับใช้เมื่อปี 2548 และไทยผูกพันเปิดเสรีสำหรับสินค้านมและผลิตภัณฑ์ให้กับประเทศคู่ค้า 2 ประเทศ ซึ่งในวันที่ 1 มกราคม 2548 เกษตรกร สหกรณ์โคนม และผู้ประกอบการนมโคแปรรูป ได้เตรียมตัวเข้าสู่ตลาดการค้าเสรี อีกทั้งกรมฯได้ตระหนักถึงความจำเป็นของการเตรียมความพร้อมให้กับเกษตรกร สหกรณ์โคนม และผู้ประกอบการนมโคแปรรูป ใช้ประโยชน์จาก FTA เป็นเครื่องมือขยายตลาดส่งออก และรองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดการเปิดการค้าเสรี
ดังนั้น ตั้งแต่ปี 2561 กรมฯจึงดำเนินโครงการ “โคนมไทยก้าวไกล ขยายตลาดส่งออกได้ด้วย FTA” เร่งผู้ประกอบการใช้ FTA และเข้าถึงโอกาสทางการค้าในตลาดประเทศคู่ FTA ทั้งจีน สิงคโปร์ และกัมพูชา โดยกรมฯจัดโครงการโคนมอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2567 เป็นระยะเวลากว่า 6 ปี ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรม เป็นโครงการต้นแบบที่กรมฯพัฒนาศักยภาพของกลุ่มเป้าหมาย ผู้ประกอบการได้ยกระดับการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพและมาตรฐาน ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่อยอดสินค้า สร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าสินค้า รวมถึงการทำธุรกิจนมโดยใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG จนมีมูลค่าส่งออกนมโคแปรรูปภายใต้โครงการกว่า 300 ล้านบาท และพัฒนาผู้ประกอบการเป็นผู้ส่งออกที่สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580)
“กรมฯมั่นใจว่าจากการเตรียมตัวรองรับการเปิดเสรีทางการค้าสำหรับสินค้านมและผลิตภัณฑ์ตลอด 20 ปี และการจัดโครงการเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการกว่า 6 ปีที่ผ่านมา วันนี้เกษตรกร สหกรณ์โคนม และผู้ประกอบการ พร้อมใช้ประโยชน์จาก FTA และเข้าสู่ตลาดการค้าเสรี ซึ่งนมแบรนด์ไทยแข่งขันได้ในตลาดโลก”
นางสาวโชติมา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี