ll จากเด็กหนุ่มจบการศึกษาด้านการตลาดจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) ที่มองเห็นโอกาสการเป็นเจ้าของกิจการบริษัทไอที ที่ไล่ล่าความฝันจนประสบความสำเร็จ และสามารถนำหุ้น บริษัท สุพรีมดิสทิบิวชั่นจำกัด (มหาชน) (SPREME) ผู้นำธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโดยเป็นผู้ออกแบบ ติดตั้ง และจัดจำหน่ายระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบเครือข่ายอย่างครบวงจร (system integrator) พร้อมทั้งให้บริการซ่อมแซม บำรุงรักษา และให้เช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงเข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา
“ผมมองเห็นหน่วยงานต่างๆ เพิ่งเริ่มใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งมีราคาแพง และไอทียังเป็นเรื่องใหม่ ผมมองเป็นโอกาสในการทำธุรกิจ เพราะมีความเชี่ยวชาญ เคยทำงานด้านไอทีมา 2-3 ปี หลังจากเรียนจบ ABACและเป็นที่มาของการจัดตั้งบริษัทในปี 2536ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท” นายภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สุพรีมดิสทิบิวชั่น จำกัด (มหาชน) (SPREME) ให้ความเห็นถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจ
ในช่วงแรกของการเปิดกิจการยอมรับว่าอุปสรรคค่อนข้างมาก ทุกอย่างยังไม่พร้อม เราต้องใช้ความอดทนในการทำงาน โดยเริ่มจากนำเข้าคอมพิวเตอร์ จากประเทศสิงคโปร์และขายส่งร้านค้าต่างจังหวัด ซึ่งมีความคุ้นเคยกันตั้งแต่เป็นเซลบริษัทเดิม ต้นทุนบริษัทและต้นทุนด้านบุคลากรน้อย เมื่อเทียบกับบริษัทใหญ่ๆ ทำให้แข่งขันได้และในปี 2553 ขยายเข้าสู่ธุรกิจระบบบริหารและจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศ (Data Center)รองรับความต้องการจากหน่วยงานภาครัฐปี 2556 ชนะการประมูลโครงการแท็บเลตพีซี เพื่อการศึกษาไทย หรือ One Tablet Per Child: OTPC จำนวน 426,683 เครื่อง มูลค่าโครงการประมาณ 1.17 พันล้านบาท ดำเนินการส่งมอบแล้วเสร็จปี 2557
“จุดแข็ง” ของ SPREME คือ เป็นผู้เชี่ยวชาญไอทีด้านการศึกษา หากมีโครงการด้านนี้ พาร์ทเนอร์ที่ต่างจังหวัดจะนึกถึง เพราะมั่นใจว่าบริษัทสามารถซัพพอร์ตได้ ทั้งด้านราคาและการบริหารจัดการโครงการ
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า (2567-2568) คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการทยอยรับรู้รายได้งานในมือที่มีกว่า 828ล้านบาท และการเข้าร่วมประมูลโครงการของภาครัฐมูลค่ากว่า1.3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นงานที่เรามีความเชี่ยวชาญและได้รับงานประมูลอย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ที่ผ่านมา และมีโอกาสได้งานมากถึง 60-70%
ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 มีรายได้รวม161.97 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 28.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.44 ล้านบาท หรือ28.72% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการรับรู้รายได้จากการส่งมอบงานให้กับภาครัฐ และเอกชนคู่ค้า ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานร่วมกับภาครัฐหลัง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ผ่าน โดยปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 650 ล้านบาท ผลักดันผลการดำเนินงาน ในครึ่งหลังของปีนี้เติบโตต่อเนื่อง
“แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการทยอยรับรู้รายได้งานในมือ และการเข้าร่วมประมูลโครงการของภาครัฐมูลค่ากว่า 1.3 พันล้านบาทซึ่งเป็นงานที่เรามีความเชี่ยวชาญและได้รับงานประมูลอย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ที่ผ่านมาและมีโอกาสได้งานมากกว่า 60-70% สนับสนุนรายได้ในปีนี้เติบโตตามเป้าหมาย”
นอกจากนี้ ในช่วงปลายปี 2567ยังมีแผนลงทุนโครงการขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงปลายปี และจะเปิดประมูลในปี 2568 ซึ่งบริษัทฯพร้อมเข้าร่วม ประมูลโครงการดังกล่าว เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญ และมีความพร้อมในทุกๆ ด้านทั้งในเรื่องของประสบการณ์ และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง หลังเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ประมาณ 0.39 เท่า ไม่มีหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SPREME กล่าวอีกว่า จากฐานทุนที่แข็งแกร่ง บริษัทฯพร้อมเดินหน้าลงทุนซื้อกิจการ (M&A) เพื่อต่อยอดธุรกิจเดิม สร้าง New S-Curveโดยอยู่ระหว่างการเจรจา กับพันธมิตรที่เตรียมเข้าลงทุน ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ System Integrator (SI) และยังรวมถึงธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เป็นธุรกิจเมกะเทรนด์ รองรับแผนเข้ารุกตลาดประมูลงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และงานประมูลภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะ (Public Safety)เพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
l อนันตเดช พงษ์พันธุ์ l
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี