nn “การเมืองดี ปากท้องดี”...ไม่เกินจริงนะครับ...ดูได้จากสภาพเศรษฐกิจไทยยามนี้ก็น่าจะได้คำตอบแล้วว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ...ด้วยเหตุที่ “การเมืองไม่ดี”...สิ่งที่ตามมาเราก็จะได้ “นักการเมืองคุณภาพต่ำ ความรู้ไม่ตรงกับงานที่รับผิดชอบ” แต่ได้เข้าไปบริหารประเทศในตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ นั่นเอง...งานที่ออกมาก็จะเน้นไปที่การใช้เงินงบประมาณที่ไม่คุ้มค่า ไม่มีประสิทธิภาพ แต่มีช่องให้ได้ “เงินทอน”เพื่อถอนทุนจากที่ได้ซื้อเสียงในการเลือกตั้งคืน
เมื่อ “การเมืองไม่ดี” ทำให้ได้นักการเมืองคุณภาพต่ำ...ผู้บริหารกระทรวงต่างๆก็ไม่มีวิสัยทัศน์ที่จะประเทศก้าวไปข้างหน้าได้อย่างถูกทิศถูกทาง และทำให้ประเทศไม่สามารถก้าวทันความท้าทายใหม่ที่เกิดขึ้นในบริบทของโลกตอนนี้ ที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วและตลอดเวลา ตามการพัฒนาของเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง AI…เศรษฐกิจดิจิทัล...อุตสาหกรรมอวกาศ...นวัตกรรมชีวภาพด้านอาหาร...ฯลฯ...ที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลที่มากจาก “การเมืองไม่ดี นักการเมืองคุณภาพต่ำ”...ก็คือควักเงินงบประมาณไปจ่ายแบบระยะสั้น...เช่น แจกเงินผู้มีรายได้น้อย...ชดเชยราคาสินค้าเกษตร...ประกันหรือจำนำผลิตผลทางการเกษตร...ฯลฯ ทำได้เท่านี้
“การเมืองไม่ดี”...ทำให้นักการเมืองล้วนตกอยู่ใต้อาณัติของกลุ่ม “นายทุนที่จ่ายเงินสนับสนุนพรรค”...ดังนั้นนักการเมืองก็จะทำเพียงเพื่อประโยชน์ของกลุ่มนายทุนเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ...สิ่งที่สะท้อนในประเด็นนี้ได้ดีก็คือ...สภาพความเหลื่อมล้ำทางรายได้ของสังคมไทยในตอนนี้...คนเพียง 1% ในประเทศถือครองทรัพย์สินมากกว่า 90% ของประเทศ ช่องว่างความเหลื่อมล้ำของไทยสูงติดท็อป 5 ของโลก
“การเมืองไม่ดี”...ทำให้การเมืองไม่มีเสถียรภาพ...เหมือนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้...ตั้งแต่เลือกตั้งมาในปี 2566 จนถึงวันนี้ 2 ปีกว่าๆ...การเมืองไทยมีแต่ความวุ่นวาย ทำให้ประเทศชาติเสียโอกาสที่จะพัฒนาไปกว่า 2 ปี...ลองเช็คดูได้ว่าตลอด 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ มีผลงานอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน ที่จะเพิ่มศักยภาพของเทศบ้าง...คำตอบคือ...ไม่มีเลย...2 ปีผ่านไปใช้ นายกรัฐมนตรี 2 คน แต่ละคนก็วุ่นวายกับปัญหาทางข้อกฎหมาย...สุดท้ายก็จบลงด้วย...เพลิงพิฆาตของ “นิติสงคราม”...ประเทศชาติเสียโอกาส เสียเวลา ไปแบบไร้ประโยชน์...
“การเมืองไม่ดี”...ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของขั้วอำนาจอีกครั้ง..ภาพที่เกิดขึ้นด้วยความที่ไร้การเมืองไร้เสถียรภาพ..จึงขาดความต่อเนื่องในนโยบาย...ความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ...ต่อประเทศไทยตอนนี้ไม่มีเหลือเลย...การตัดสินใจที่จะลงทุนใดๆ จึงต้องหยุดไว้ก่อน...ในขณะที่คู่แข่งสำคัญของไทยพัฒนาตัวเองมาอย่างต่อเนื่องนับ 10 ปี จนเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลกและเขาก็ยังเดินหน้าพัฒนาต่อไปไม่หยุด...ไม่รู้ถ้าการเมืองไทยยังวุ่นวายต่อไปแบบนี้...การลงทุนของต่างชาติจะหลงเหลืออยู่ในประเทศอีกไหม...และความเสี่ยงอันใกล้นี้...มีโอกาสที่ประเทศไทยจะถูกลดเครดิตอันดับความน่าเชื่อถือด้วย....ซึ่งก็จะสร้างความยากทางเศรษฐกิจของไทยขึ้นไปอีก...และเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี ปัญหาปากท้อง ของคนส่วนใหญ่ของประเทศก็จะตามมา...nn
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี