เศรษฐกิจเผชิญแรงกดดัน กรุงศรี คาดครึ่งปีหลังเติบโตแค่ 1.3%

เศรษฐกิจเผชิญแรงกดดัน กรุงศรี คาดครึ่งปีหลังเติบโตแค่ 1.3%

วันเสาร์ ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ดร.พิมพ์นารา หิรัญกสิ หัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ และผู้บริหารสายงานวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เศรษฐกิจช่วงที่เหลือของปี 2568 มีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันทั้งปัจจัยภายนอกจากการขึ้นอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ สู่อัตรา 19% ส่งผลให้ภาคการส่งออกสินค้าของไทยที่เคยเป็นแรงส่งหลักมีแนวโน้มหดตัว ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศมีความซับซ้อนและเปราะบางมากขึ้นจากความไม่แน่นอนทางการเมือง วิจัยกรุงศรีจึงประเมินว่าหากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจยังมีความต่อเนื่องคาดทั้งปี 2568 เศรษฐกิจไทยจะยังเติบโตได้ตามคาดการณ์เดิมที่ 2.1% โดยครึ่งปีหลังจะขยายตัวเพียง 1.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งชะลอลงจาก 3.0% ในช่วงครึ่งแรก โดยมีรายละเอียดของปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนี้

(i) ภาคส่งออกสูญเสียแรงขับเคลื่อนการส่งออกที่เติบโตสูงในช่วงครึ่งแรกของปี (+15.0% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน) มาจากการเร่งสะสมสินค้าล่วงหน้าก่อนที่สหรัฐฯจะขึ้นอัตราภาษีนำเข้า นอกจากนี้เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มอ่อนแรงลงจะส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศจึงคาดว่าการส่งออกของไทยทั้งปี 2568 จะขยายตัว 3.5%


(ii) การลงทุนภาคเอกชนเผชิญความท้าทายที่เพิ่มขึ้นโดยทั้งปีคาดว่าการลงทุนภาคเอกชนจะเติบโตในระดับต่ำที่ 0.9% แม้ยังพอมีปัจจัยบวกจากการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็กของภาครัฐวงเงิน 8.5 หมื่นล้านบาท แต่การลงทุนภาคเอกชนยังเปราะบาง ท่ามกลางปัจจัยลบจากความกังวลเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมือง ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ล่าช้าและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ

(iii) ภาคท่องเที่ยวมีแนวโน้มหดตัวสาเหตุหลักมาจากการลดลงอย่างมากของนักท่องเที่ยวจีน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในภูมิภาค วิจัยกรุงศรีจึงคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2568 จะลดเหลือ 34 ล้านคน จาก 35.5 ล้านคนในปี 2567

(iv) การบริโภคภาคเอกชนถูกกดดันเนื่องจากปัญหาเชิงโครงสร้างและปัจจัยฉุดรั้งต่างๆ ทั้งผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ซบเซาท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ การบริโภคจึงมีแนวโน้มเติบโตต่ำ

อัตราดอกเบี้ยนโยบายคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 1-2 ครั้ง ภายในไตรมาสแรกของปี 2569 จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.50% ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยปี 2568 มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.2% ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายที่ 1-3% ช่วยเปิดทางให้กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้

ดร.พิมพ์นารา กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังปี 2568 มีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยงและความผันผวนสูง จากทั้งผลกระทบภาษีสหรัฐและความเสี่ยงจากสถานการณ์การเมืองในกรณีฐานคาดว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจช่วงที่เหลือจะอยู่ในวงจำกัด ส่วนกรณีเลวร้าย หากพัฒนาการทางการเมืองมีผลกระทบต่อความต่อเนื่องและประสิทธิภาพการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ รวมถึงการเจรจาทางการค้ากับประเทศสำคัญ เศรษฐกิจไทยอาจสูญเสียแรงส่งการฟื้นตัวและเผชิญความเสี่ยงที่จะขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ในกรณีฐานได้

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top