นายพิพิธ เอนกนิธิ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า โลกกำลังเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มที่ โดยคาดว่าภายในปี 2571 เศรษฐกิจดิจิทัลทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 16.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 17% ของ GDP โลก และในประเทศไทยเศรษฐกิจดิจิทัล ปี 2567 ก็เติบโตสูงถึง 19% มีมูลค่ากว่า 1.5 ล้านล้านบาท ในปัจจุบันเศรษฐกิจดิจิทัลมีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ แต่จากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่าทักษะดิจิทัลของกลุ่มคนรุ่นใหม่และแรงงานไทยกว่า 74% ยังมีทักษะที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ประกอบกับคนที่เรียนจบในด้าน STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) ในไทยมีเพียง 4% และกว่า 60% ของบัณฑิตในสาย STEM ก็ไม่ได้ทำงานในสายอาชีพที่เรียนมา จึงทำให้ประเทศไทยขาดแคลนบุคลากรด้านดิจิทัล ส่งผลให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสการเป็นผู้นำในเศรษฐกิจดิจิทัล

ธนาคารจึงได้พัฒนาโครงการ SKILLKAMP ขึ้นมา ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มพัฒนาทักษะดิจิทัลเพื่อยกระดับศักยภาพของคนรุ่นใหม่ รวมถึงมีการสอบประเมินทักษะและต่อยอดโอกาสในการทำงานกับองค์กรชั้นนำ โดยร่วมกับองค์กรพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ทั้งผู้พัฒนาคอร์สเรียน อาทิ ThaiMOOC, Chula Neuron, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, Skooldio และ FutureSkill องค์กรที่จัดสอบประเมินทักษะ อาทิ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นอกจากนี้การเรียนรู้ผ่าน SKILLKAMP ยังเชื่อมต่อและเพิ่มโอกาสในการทำงานกับองค์กรชั้นนำ อาทิ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย และ JOBTOPGUN รวมถึงยังได้รับความร่วมมือจากสถาบันการศึกษาในการส่งเสริมให้นักศึกษาเรียนรู้และพัฒนาทักษะดิจิทัลผ่าน SKILLKAMP อาทิ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก และวิทยาลัยเทคโนโลยีชลบุรี เป็นต้น จึงกล่าวได้ว่าความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการเชื่อมโยงทุกภาคส่วนมาร่วมมือกันเพื่อยกระดับและเสริมแกร่งทักษะดิจิทัลให้กับคนรุ่นใหม่ ลดช่องว่างระหว่างการศึกษาและตลาดงาน โดยเฉพาะในสาขาดิจิทัลที่มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น และคาดหวังว่า SKILLKAMP จะมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นำในเศรษฐกิจดิจิทัลต่อไป

แพลตฟอร์ม SKILLKAMP เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มประสบการณ์หรือเริ่มต้นในสายงานด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี จึงเหมาะกับนักศึกษาที่กำลังศึกษาและนักศึกษาจบใหม่ที่มองหาโอกาสในสายงานนี้ รวมถึงกลุ่มคนที่ต้องการย้ายสายงานมาทำงานด้านดิจิทัล และกลุ่มพนักงานประจำที่ต้องการ Upskill และ Reskill ในด้าน Data, Digital and Technology เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่ง SKILLKAMP มีจุดเด่น ดังนี้

1. อัปเดตความรู้ด้านดิจิทัลแบบเข้าใจง่าย มีคอร์สภาษาไทยมากที่สุดกว่า 800 คอร์ส จาก 16สถาบันชั้นนำ และเรียนฟรีกว่า 300 คอร์ส ซึ่งตอบโจทย์ครบทุกความต้องการตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงคอร์สเชิงลึก ได้แก่ AI Agent & Automation, Data analytics for Business, Data Structure & Algorithm X และ Driving Business Impact with Data

2. เปิดทางสู่อาชีพในฝัน ด้วยหลักสูตรการเรียนรู้ (Learning Path) และแนะนำคอร์สเรียนใน 4 สายงานฮิต เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะกับความต้องการของผู้เรียนแต่ละคน ได้แก่ Digital marketing, Data analyst, Data admin และ Front-end developer

3. เชื่อมต่อกับตลาดงาน มีการจัดสอบประเมินทักษะดิจิทัลที่มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับใน 3 สายงาน ได้แก่ Digital marketing, Data analyst และ Digital marketer ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสร่วมงานกับองค์กรชั้นนำกว่า 50 องค์กรในเครือข่ายพันธมิตร

นายพิพิธ กล่าวา ธนาคารเชื่อมั่นว่า SKILLKAMP จะเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยยกระดับทักษะด้านดิจิทัลให้กับผู้ที่เข้าเรียน สามารถนำไปต่อยอดในการทำงานปัจจุบัน รวมถึงเพิ่มโอกาสในการเข้าทำงานกับองค์กรชั้นนำ และที่สำคัญคนกลุ่มนี้จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยธนาคารคาดว่าจะมีผู้สมัครสมาชิก SKILLKAMP จำนวน 35,000 คน ภายในปี 2568 สำหรับผู้ที่สนใจคว้าโอกาสการเติบโตในสายอาชีพดิจิทัลและเทคโนโลยี สามารถสมัครได้ที่ www.skillkamp.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE OA: @skillkamp

- 030