ll บมจ.ไทยออยล์...คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบรอบสัปดาห์นี้ (17-21 มี.ค. 2568)...โดยระบุว่า ราคาน้ำมันดิบยังคงผันผวนอยู่ในระดับสูงเนื่องจากตลาดกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวจากสงครามการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาตรการของสหรัฐฯ ในการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมในอัตราร้อยละ 25 จากทุกประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับการค้าโลก นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาทิศทางนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งอาจชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย อันจะส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันในระยะยาว อย่างไรก็ดี ตลาดคาดว่ามีความเป็นไปได้ในการเจรจายุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ขณะที่อุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มตึงตัวมากขึ้น เนื่องจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้มีมติคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่าน ท่ามกลางความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่อาจมีแนวโน้มทวีความรุนแรง...ไทยออยล์...คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 67-77 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล...ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 70-80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล...
ll กระทรวงพลังงาน...สั่งการให้...การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)...เดินหน้า จะเร่งการขุดขนถ่านหินจากทุกสัญญา ในเหมืองแม่เมาะ...หลังตรวจสอบการจ้างเหมา ขุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะแล้วพบว่า...ไม่มีเรื่องทุจริต หรือ การประพฤติมิชอบ และทุกอย่างเป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับ...!! ทั้งนี้สงครามรัสเซีย-ยูเครน ยืดเยื้อ มีความไม่แน่นอน และความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้ส่งผลกระทบให้ราคาก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG ผันผวนในระดับสูง ที่ 14-15 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียูในการนี้ กฟผ. ได้มีการปรับสัดส่วนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าให้มีความเหมาะสมด้านราคาและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน ซึ่ง กฟผ.พยายามใช้เชื้อเพลิงที่มีต้นทุนที่ต่ำที่สุดในการผลิตไฟฟ้า จึงยังคงจำเป็นต้องเดินเครื่องโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะโรงที่ 8 ถึง 11 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน ซึ่งการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ โรงที่ 8 ถึง 11 ส่งผลให้ปี 2567 สามารถลดการนำเข้า LNG ได้ประมาณ 18 ลำเรือมูลค่ากว่า 65,000 ล้านบาท หรือลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 11-13 สตางค์ต่อหน่วย...
ll คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาทบทวนราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ก่อนที่จะสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาที่423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ในวันที่ 31 มี.ค.2568...ที่ผ่านมา กองทุนน้ำมันฯ ได้ตรึงราคา LPG มาตั้งแต่เดือน เม.ย. 2565 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลาเกือบ 3 ปี โดยกองทุนฯ ใช้เงินตรึงราคาไปทั้งสิ้นประมาณ 46,185 ล้านบาท โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้กำหนดกรอบวงเงินสำหรับชดเชยราคา LPG ได้ไม่เกิน 50,000 ล้านบาท ดังนั้น ยังเหลือวงเงินที่จะชดเชยราคาได้อีกประมาณ 3,815 ล้านบาท...ปัจจุบันกองทุนฯ ยังชดเชยราคาจำหน่าย LPG อยู่2.4190 บาทต่อกิโลกรัม หรือ 36.28 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม เพื่อให้ราคาจำหน่าย LPG ในท้องตลาดอยู่ที่ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัมตามมติ กบง. ที่ผ่านมา แต่หากไม่ชดเชยราคาดังกล่าวจะส่งผลให้ราคา LPG อยู่ที่ 30.61 บาทต่อกิโลกรัม และทำให้ราคาจำหน่าย LPG ที่แท้จริงอยู่ที่ 459.28 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม...สำหรับสถานการณ์ราคา LPG โลกปัจจุบันราคาอยู่ที่ 610 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลงจากเดือน ธ.ค. 2567 ที่ราคาอยู่ที่ 632.50 เหรียญสหรัฐต่อตัน...เมื่อพิจารณาสถานการณ์กองทุนฯ บัญชี LPG ที่ยังมีรายได้เข้ากองทุนฯ วันละ 20 ล้านบาทประกอบกับกรอบวงเงินชดเชย LPG ยังเหลืออีกกว่า 3,815 ล้านบาท แม้ภาพรวมกองทุนฯ บัญชี LPG จะติดลบรวม -46,185 ล้านบาท แต่กองทุนฯยังสามารถดูแลราคา LPG ในอัตรา 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ต่อไปได้...ทั้งนี้ขึ้นกับนโยบายกบง. ว่าจะตัดสินใจตรึงราคาต่อ หรือปรับโครงสร้างราคา LPG เนื่องจากที่ผ่านมาที่ประชุมกบง. เคยเสนอแนวคิดจะทยอยปรับขึ้นราคา LPG ครั้งละ 1 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อลดภาระกองทุนฯ ลง...
ll ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. กล่าวถึงภาพรวมและความคืบหน้าการดำเนินธุรกิจของ ปตท. ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ “ปตท.แข็งแรงร่วมกับสังคมไทยและเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน” ว่าการปรับทิศทางธุรกิจทำให้ ปตท. ยังคงอยู่ในธุรกิจหลักเดิมที่องค์กรมีความถนัด อย่างแข็งแกร่งขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ โดยที่ยังสามารถอยู่ร่วมกับสังคมโลก เพื่อบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality และNet Zero Emissions ตามที่ประกาศไว้ได้....ทั้งนี้ ดร.คงกระพัน ชี้ให้เห็นว่า ก๊าซธรรมชาติถือเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าน้ำมันและถ่านหิน โดยประเทศไทยยังมีแหล่งก๊าซธรรมชาติในประเทศและใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า ดังนั้น ก๊าซธรรมชาติจึงเป็นเชื้อเพลิงที่มีความสำคัญต่อประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด ที่คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่า 30 ปีข้างหน้า ในขณะที่ปตท. ก็มุ่งทำธุรกิจอีกด้านเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สร้างสมดุลให้เป็นไปตามเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions ของประเทศ ทั้งแผนการปลูกป่าเพื่อดูดซับคาร์บอนฯ ซึ่งเป็นวิธีดำเนินการที่มีต้นทุนต่ำที่สุด โดยได้ดำเนินการอย่างเต็มกำลังในพื้นที่ 2 ล้านไร่ ซึ่งปัจจุบัน เต็มพื้นที่ ไม่เหลือพื้นที่ให้ปลูกเพิ่มแล้ว รวมทั้งยังมองถึงธุรกิจเกี่ยวกับการกักเก็บคาร์บอน และธุรกิจพลังงานที่ไม่มีการปล่อยคาร์บอนเลย ทั้งไฮโดรเจน และไฟฟ้าจากปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก หรือSMR และเพื่อให้เกิดการลงทุนด้วยต้นทุนที่เหมาะสม ไม่สร้างภาระให้กับผู้บริโภค ปตท.จึงอยู่ระหว่างการทบทวนกรอบระยะเวลา (Time Line) ของการดำเนินการที่ยังมุ่งไปสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ในปี 2050...ส่วนการโฟกัสในธุรกิจพลังงานฟอสซิล หรือHydrocarbon ที่ ปตท. มีความถนัดนั้นในระยะสั้น จะเน้นการลงทุนเพื่อสร้าง Synergy ในกลุ่มปิโตรเคมีและโรงกลั่น ที่เรียกว่าโครงการ D1-Domestic Products Mgmt โดยตั้งเป้าจะสามารถทำกำไรเพิ่มกว่า 3 พันล้านบาทต่อปี ภายใน 3 ปี โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดต้นทุนภายใต้โครงการที่เรียกว่า MissionX - Operational Excellence เพื่อเพิ่ม EBITDA ตั้งเป้าทั้งกลุ่ม ปตท. ประมาณ3 หมื่นล้านบาท ภายใน 3 ปี...ในขณะที่ระยะกลาง จะมองหาพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งด้านการตลาด หรือด้านเทคโนโลยี เข้ามาร่วมถือหุ้นกับ ปตท. ที่ถืออยู่ใน PTTGC IRPC และไทยออยล์ โดยที่ ปตท. ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหลัก รวมถึงการเป็นศูนย์กลางการค้า LNG ในภูมิภาค หรือ LNG Hub...ส่วนในระยะยาวคือการเข้าไปลงทุนในธุรกิจกักเก็บคาร์บอนที่จะดำเนินการผ่าน ปตท.สผ. และพลังงานไฮโดรเจน เพื่ออุตสาหกรรมที่เริ่มต้นด้วยการนำเข้าไฮเดรเจนจากประเทศที่มีต้นทุนการผลิตไฮโดรเจนที่ต่ำเช่นจากอินเดียหรือกลุ่มตะวันออกกลาง และมองหาโอกาสการลงทุนในโรงไฟฟ้าปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กหรือ SMR ผ่านทาง GPSC...สำหรับธุรกิจNon-Hydrocarbon จะมีการปรับลดความเสี่ยงในธุรกิจ เช่น การเลิกกิจการธุรกิจด้านโลจิสติกส์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องพลังงาน การลดสัดส่วนการถือหุ้นในโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าโดยจะยังเน้นการลงทุนเฉพาะ EV Charging ผ่านทางโออาร์ ส่วนที่เป็นธุรกิจ Life& Science ที่ยังทำกำไรนั้น จะเปิดทางให้พันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจเข้ามาร่วมถือหุ้นและการจัดหาแหล่งเงินทุนให้ทำธุรกิจอยู่รอดได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาบริษัทแม่...ll
กระบองเพชร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี