นายบรรณ เกษมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัทเอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดีโลจิสติกส์ หรือ SJWD เปิดเผยว่าบริษัทฯมุ่งสร้างการเติบโตต่อเนื่องเพื่อบรรลุเป้าหมายเพิ่มมาร์เก็ตแคปเป็น 1 แสนล้านบาทและเพิ่มสัดส่วนกำไรจากต่างประเทศเป็น 40% ภายในปี 2573 รวมถึงมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2593 ผ่านการให้บริการ Green Logistics และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนใน Scope 1 Scope 2 และ Scope 3
บริษัทฯดำเนินธุรกิจในอาเซียน9 ประเทศและจีนตอนใต้มีพื้นที่คลังสินค้าทั่วไปคลังสินค้าอันตราย ลานจอดยานยนต์ สินค้าควบคุมอุณหภูมิกว่า 2.3 ล้านตารางเมตร มีเครือข่ายรถขนส่งกว่า 14,000 คัน เครือข่ายเรือบรรทุกสินค้ากว่า 220 ลำ ฐานลูกค้ากว่า 2,400 ราย รวมถึงมีพาร์ทเนอร์ชั้นนำในธุรกิจโลจิสติกส์และซัพพลายเชน
ปีที่ผ่านมาบริษัทฯได้ขยายธุรกิจและการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ อาทิเข้าถือหุ้น 20.12% ใน บมจ.เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ ANI ผู้นำธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินหรือ GSA ในไทย, เข้าถือหุ้น 20.48% ใน Swift Haulage Berhad หรือ SWIFT (สวิฟท์) ผู้ดำเนินธุรกิจIntegrated Logistics ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย,จัดตั้งบริษัทเอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เฟรท เพื่อปรับโครงสร้างและเพิ่มศักยภาพให้บริการตัวแทนขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้ได้ก่อสร้างคลังสินค้าห้องเย็นแห่งใหม่ที่เชียงใหม่มีพื้นที่ 2,700 ตารางเมตร เปิดบริการคลังสินค้าทั่วไป 2 แห่งในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี มีพื้นที่รวมกว่า 54,000 ตารางเมตร ภายใต้บริษัท แอลฟา อินดัสเตรียล โซลูชั่นส์ที่ร่วมทุนกับ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้หรือ ORI ฯลฯ ขยายบริการแก่ลูกค้ารายใหญ่ บมจ. ปตท.น้ำมันและค้าปลีก หรือ OR โดยนำเสนอ Green Logistics Solution เพื่อให้บริการขนส่งอาหารและเบเกอรี่แก่ร้านคาเฟ่อเมซอน
ฐานะทางการเงินมีความแข็งแกร่ง ณ สิ้นปี 2567 มีอัตราหนี้สินต่อทุนที่มีภาระดอกเบี้ย 0.67 เท่า มีเงินสดคงเหลือ ณ สิ้นปี 2567 กว่า 2,400 ล้านบาท และการเสนอขายหุ้นกู้เดือนกันยายนปีที่ผ่านมาวงเงินไม่เกิน 4,200 ล้านบาท มีนักลงทุนต้องการจองซื้อมากกว่ามูลค่าที่เสนอขายนอกจากนี้บริษัทฯมีฐานลูกค้าในเครือ SCG ช่วยเพิ่มความมั่นคงแก่รายได้
ปัจจุบันมีสัดส่วนให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนประมาณ 50% ของเครือ SCG เท่านั้นจึงมีโอกาสขยายฐานการให้บริการได้อีกประกอบกับปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจจึงมั่นใจว่าปริมาณการขนส่งสินค้าแก่เครือ SCG จะไม่ลดลงในปีนี้
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม SJWD กล่าวว่า ปี 2568 บริษัทฯ มุ่งสร้างเติบโตผ่านการต่อยอดการ Synergy ของกลุ่มธุรกิจต่างๆ และพันธมิตรธุรกิจ โดยมุ่งขยายธุรกิจดาวรุ่งที่มีศักยภาพ ได้แก่ “ธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น” จะเปิดบริการห้องเย็นใหม่อีก 4 แห่งในปีนี้ พื้นที่รวม 37,000 ตารางเมตร ได้แก่ เชียงใหม่ 2,700 ตารางเมตร,
สระบุรี (เฟส 2) 3,400 ตารางเมตร, รังสิต 14,595 ตารางเมตร และห้องเย็น (เฟส 3) ของบริษัท เอสซีจี นิชิเร พื้นที่ 17,091 ตารางเมตร ที่จังหวัดปทุมธานี รวมถึงจะขยายบริการคลังสินค้าห้องเย็นแก่กลุ่มอุตสาหกรรมยาและเฮลท์แคร์วางแผนร่วมทุนกับลูกค้าสร้างคลังสินค้าห้องเย็นแห่งใหม่ศึกษาดีลกับพาร์ทเนอร์ ตลอดจนขยายเครือข่ายขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ
“ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์” บริษัทฯให้บริการแก่รถยนต์กว่า 5 แสนคันในปีที่ผ่านมา คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดกว่า1 ใน 3 ของจำนวนรถยนต์ที่ผลิตในประเทศรวมกว่า 1.46 ล้านคัน ปีนี้จะขยายการให้บริการแก่รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นและขยายบริการนำเข้าและส่งออกวัตถุดิบและชิ้นส่วนยานยนต์
“ธุรกิจ Freight” หรือตัวแทนขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ จะเพิ่มรายได้เป็น 2,500 ล้านบาท ภายในปี 2572 จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 1,500 ล้านบาท ล่าสุด จัดตั้งบริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เฟรท เพื่อเพิ่มศักยภาพให้บริการรวมถึงจะรุกสร้างNew S-Curve จากการเป็นผู้ให้บริการโลจิสติสก์ครบวงจรรายแรกที่มีบริการดิจิทัลแพลตฟอร์มสำหรับเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์หรือ NSW Service Provider (NSP) ซึ่งเป็นระบบบริการจัดส่งข้อมูลที่เชื่อมต่อหน่วยงานภาครัฐ (กรมศุลกากร) และภาคธุรกิจ สำหรับการนำเข้า ส่งออก และโลจิสติกส์และจะผสานความร่วมมือกับ ANI และ บมจ.ไซไน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น หรือ SINO ในฐานะพาร์ทเนอร์ เชื่อมโครงข่ายบริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
ส่วน “ธุรกิจต่างประเทศ” จะโฟกัสการขยายธุรกิจในจีน เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์โดยในจีนจะร่วมมือกับ JUSDA ให้บริการขนส่งสินค้าข้ามแดน คลังสินค้าและนำเข้า-ส่งออกจากจีนมาไทยและภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอกนิกส์ และเครื่องจักร เพื่อเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าระหว่างจีน เวียดนาม สปป.ลาว ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งมีมูลค่าตลาดถึง 26,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีที่ผ่านมา และร่วมกับ Ruiyun Logistics ศึกษาโอกาสทางธุรกิจบริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิข้ามแดนระหว่างไทย เวียดนาม และจีน ส่วนในเวียดนามจะเริ่มรับรู้รายได้เต็มปีจากการถือหุ้น 100% ใน SCGJWD Logistics (Vietnam) Co., Ltd.
ขณะที่มาเลเซียได้ร่วมกับ SWIFT จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อรุกธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นในมาเลเซีย3 แห่งพื้นที่รวมกันกว่า 31,000 ตารางเมตรคาดว่าจะทยอยเปิดบริการไตรมาส 1/2569 รวมถึงจะใช้ความเชี่ยวชาญขยายธุรกิจในธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ ในอินโดนีเซียและรุกขยายธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่มีศักยภาพเติบโตสูง
นอกจากนี้ธุรกิจคลังสินค้าทั่วไปที่ดำเนินการก่อสร้างโดยบริษัทแอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่นมีแผนเสนอขายสินทรัพย์บางส่วนมูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท แก่กองรีทที่เป็นพาร์ทเนอร์เพื่อนำมาขยายการลงทุนและในเดือนกันยายนนี้ คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากการเปิดดำเนินการและรับบริหารคลังสินค้าแห่งใหม่ในย่านนิคมอุตสาหกรรมบางกระดีแก่บริษัทบี.กริม แคเรียร์ (ประเทศไทย) และบริษัทแคเรียร์ (ประเทศไทย) รวมถึงให้บริการด้านโลจิสติกส์และ Fulfillment ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตและตอกย้ำศักยภาพธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี