นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยว่า บริษัทฯได้คว้าสิทธิ์ในการทำตลาดและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ‘นิว’ (NIU) ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมจากประเทศจีน เนื่องจากมองเห็นว่ารถจักรยายนต์ไฟฟ้าเป็นพาหนะแห่งอนาคต ด้วยความสะดวกในการใช้งานและการดูแลรักษาที่ต่ำ
ทั้งนี้การเติบโตของตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังไม่สูงมากนัก เนื่องจากข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีที่ไม่สามารถตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้งานทุกกลุ่มในวันนี้ แต่เชื่อมั่นว่าการเติบโตของจักรยานยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นภาพที่คุ้นตาบนท้องถนนภายใน 5 ปีข้างหน้า ซึ่งการทำตลาด ในครั้งนี้ มีเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ากลุ่มพรีเมียมในประเทศไทย ที่หากใครนึกถึงรถกลุ่มนี้จะต้องนึกถึง NIU
“เราเลือกเป็นพันธมิตรกับ NIU เพราะนอกจากเทคโนโลยีสมาร์ทฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่แล้ว NIU ยังเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ทำตลาดครอบคลุมทั้งยุโรป อเมริกาและเอเชีย ซึ่งจะต้องผ่านมาตรฐานที่เข้มงวดของแต่ละประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพและมาตรฐานที่เหนือกว่าแบรนด์อื่นๆ ในท้องตลาด”นายเฉลิมชัยกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ มองว่าการที่ตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ายังไม่เติบโตเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการพัฒนาสินค้าที่อาจจะไม่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ TTA จึงเตรียมที่จะลงทุน 100 ล้านบาทในการเปิดสายการผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย รวมถึงการตั้งทีมวิจัยและพัฒนาสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภค ในประเทศ โดยจะเริ่มผลิตได้ภายในช่วงปลายปี 2568
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า การพัฒนาสินค้าสำหรับประเทศไทย ได้รับความร่วมมือจาก NIU International สำนักงานใหญ่ โดยตั้งเป้าหมายที่จะเปิดตัวสินค้าที่ทำการคิดค้นสำหรับประเทศไทย 2 รุ่นในช่วงปลายปี 2568 และอีก 2 รุ่น ในปี 2570 เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคในประเทศ รวมถึงมีแผนที่จะเริ่มการส่งออกรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2571
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า นอกเหนือจากการพัฒนาสินค้าแล้ว บริษัทฯ จะเริ่มสร้างเครือข่ายพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ทั้งด้านช่องทางจำหน่าย สถาบันการเงิน บริษัทประกันภัย รวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจรถจักรยานยนต์มือสอง เพื่อสร้างระบบนิเวศน์ของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์ เพื่อที่จะผลักดันให้ตลาดมีการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
“ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่เปิดรับสินค้ากลุ่มนี้ได้อย่างรวดเร็ว เห็นได้จากอัตราการเติบโตของยอดจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 100% ต่อเนื่องหลายปี ซึ่งสิ่งที่จะผลักดันให้ตลาดเติบโตได้ จะต้องมีทั้งเรื่องของสมรรถนะของตัวรถ ราคาจำหน่ายที่เหมาะสม รวมถึงการสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ ด้วยการทำโครงสร้างราคาที่ชัดเจนและมั่นใจได้มากกว่าที่ผ่านมา”นายเฉลิมชัยกล่าว
ขณะที่เป้าหมายการตั้งตัวแทนจำหน่ายนั้น จะมีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายจังหวัดละอย่างน้อย 1 แห่ง และหากเป็นจังหวัดใหญ่ อย่างเช่น ชลบุรี ก็อาจจะมีตัวแทนจำหน่ายได้ 2 ราย ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพมหานคร ก็จะมีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายตามเขต เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการเยี่ยมชมตัวรถ โดยตัวแทนของเราในแต่ละพื้นที่สามารถดำเนินกิจกรรมด้านการขายและการตลาดในพื้นที่ของตนเองได้อย่างเต็มที่ โดยปัจจุบันมีผู้สนใจสมัครตัวแทนจำหน่ายแล้วกว่า 90 ราย
“การเข้ามาทำตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า NIU ในครั้งนี้ TTA ได้เดินหน้าลงทุนทั้งเรื่องการเปิดสายการผลิตและการพัฒนารถสำหรับตลาดในประเทศ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในตลาดประเทศไทย โดยตั้งเป้าหมายที่จะมียอดจำหน่ายระดับ 1 หมื่นคันต่อปีในปี 2572 ขึ้นเป็นผู้นำในตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ากลุ่มพรีเมียมในประเทศไทย รวมถึงยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคเกี่ยวกับตราสินค้า”นายเฉลิมชัยกล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาแบรนด์ NIU เคยเข้ามาในประเทศไทย ด้วยการเป็นรถจักรยานยนต์นำเข้าแบบสำเร็จรูป ส่งผลให้ราคาขายปลีกสูงและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างจำกัด แต่ภายใต้การบริหารของ TTA นอกจากการผลิต การพัฒนาสินค้าแล้ว ยังจะมีการทำราคาจำหน่ายให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นอีกด้วย โดย TTA มั่นใจว่า NIU จะเป็นแบรนด์ที่เติบโตเคียงคู่กับผู้บริโภคชาวไทยในระยะยาวอย่างแน่นอน
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า การเข้ามาทำตลาดในครั้งนี้ มองไปถึงการส่งออกไปในภูมิภาคอาเซียนในอนาคต ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีผู้ใช้งานรถจักรยานยนต์จำนวนมาก แต่ที่ผ่านมามีอุปสรรคในด้านกำแพงภาษีนำเข้าจาก ประเทศจีนที่ทำให้ตลาดไม่เติบโตเท่าที่ควร แต่หากมีการเปิดสายการผลิตในประเทศไทย ก็จะทำให้สามารถขยายตลาดเข้าสู่ภูมิภาคนี้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“การที่ NIU มีพันธมิตรและมีโรงงานในประเทศไทย จะทำให้สามารถส่งออกรถจักรยานยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยไปยังอาเซียนด้วยข้อตกลงเขตการค้าเสรี และทำให้ภาษีนำเข้ารถจักรยานยนต์ในหลายประเทศ ที่เคยสูงถึง 40-50% จะลดลงเหลือ 0% ทันที ซึ่งตอนนี้ได้มีตัวแทนจำหน่ายในหลายประเทศเริ่มติดต่อมาที่ TTA เพื่อจะนำรถไปจำหน่าย โดยเรามีแผนที่จะส่งออกในช่วงปลายปี 2571”นายเฉลิมชัยกล่าว
สำหรับการทำตลาดรถจากประเทศจีนนั้น มองว่าไม่ได้เป็นปัญหาทั้งในเรื่องภาพลักษณ์และคุณภาพของสินค้า เนื่องจากในประเทศจีนมีการใช้งานรถจักรยานยานต์ไฟฟ้าที่แพร่หลายมานาน แต่มองว่าอยู่ที่การเลือกสินค้าให้เหมาะสมกับตลาดมากกว่า ซึ่งข้อที่ได้เปรียบของ NIU ก็คือการเป็นแบรนด์ที่ทำตลาดมาหลายประเทศทั่วโลก จึงมีความเข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ จากมุมมองของ TTA รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตั้งคำถามในแง่ของคุณภาพหรือภาพลักษณ์ เพราะจริงๆ แล้ว ผู้ผลิตจากประเทศจีนหลายรายสามารถผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานในระดับสากล แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าก็คือการเลือกตัวสินค้าที่จะเข้ามาทำตลาด ว่าตรงกับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยหรือไม่
“สิ่งที่เราจะต้องมุ่งเน้นเป็นพิเศษก็คือ การบริหารจัดการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรถที่มีคุณสมบัติและสมรรถนะที่ตรงกับความต้องการของตลาด การพัฒนาด้านการให้บริการหลังการขายที่จะทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด เพราะความสำเร็จของจักรยานยนต์ไฟฟ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับแหล่งผลิต แต่ขึ้นอยู่กับว่าผู้บริโภคจะได้รับสินค้าที่ตอบโจทย์และบริการที่เหนือความคาดหมายหรือไม่”นายเฉลิมชัยกล่าว
บริษัทฯ มั่นใจว่ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า NIU เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่สามารถทดแทนรถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งในอนาคต TTA พร้อมที่จะขยายการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มเติมหากเล็งเห็นโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจ ตามที่ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี