‘เอกนัฏ’วางแนวเลือกผู้ทรงคุณวุฒิใน‘กมอ.’แค่ดี-เก่ง-สะอาดไม่พอ ต้องเข้าใจภารกิจ‘ปฏิรูปอุตสาหกรรม’ พ่วงชักธงรบ‘แก๊งศูนย์เหรียญ’ก่อนชง ครม.เคาะ 6 ชื่อโปรไฟล์หรู แทนขาประจำ‘คน สมอ.’ตัดตอนสืบทอดอำนาจ-ล้างอิทธิพล-รื้อระบบเก่า ยึดโมเดล‘ทีมสุดซอย’ลุยภารกิจพิฆาตเหล็ก IF-ถอนรากอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ
27 เมษายน 2568 จากกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 เม.ย.68 ได้มีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ จำนวน 6 คน ประกอบด้วย รศ.วีระพงษ์ แพสุวรรณ , ศ.(วิจัย) ดร. ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต , ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ , น.ส.พิมพ์นารา จิรานิธิศ , ดร.สุเมธ ตั้งประเสริฐ และ ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เพื่อแทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน กมอ. 6 รายเดิม ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่งนั้น
รายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม แจ้งถึงแนวทางการคัดเลือกและทาบทามบุคคลเพื่อปฏิบัติหน้าที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน กมอ.ชุดใหม่ ว่า นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ได้มอบนโยบายเบื้องต้นว่านอกจากจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับ และไม่มีประวัติด่างพร้อยแล้ว ยังต้องมีความเข้าใจโจทย์ และภารกิจสำคัญในการปฏิรูประบบอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ รวมถึงภารกิจการปราบอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญอย่างถอนรากถอนโคน ซึ่ง กมอ.ถือเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญ ด้วยบทบาทในการกำหนดมาตรฐานภาคอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
ทั้งนี้ โดยเฉพาะขณะนี้ที่กำลังมีประเด็นมาตรฐานเหล็กที่ผลิตจากเตาอินดักชั่น (IF) ที่ รมว.อุตสาหกรรม ได้มีข้อสั่งการให้ กมอ.พิจารณาทบทวนการรับรองมาตรฐานเหล็กเส้น IF เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงแล้วว่ากระบวนการผลิตเหล็กโดยเตาหลอมแบบ IF ไม่สามารถควบคุมคุณภาพของเหล็กได้ อีกทั้งยังพบปัญหาในการกำจัดสารเจือปน และสิ่งแปลกปลอมที่มากับเศษเหล็ก สร้างมลพิษฝุ่น และแก๊สพิษจากกระบวนการผลิต แต่กลับยังมีการรับรองเหล็ก IF มาจนถึงปัจจุบัน ทั้งที่ในความเป็นจริงก็พบปัญหาและข้อร้องเรียนเกี่ยวกับเหล็ก IF มาตลอดเกือบ 10 ปี ตั้งแต่มีการรับรองเตาหลอม IF เมื่อปี 2559 กระทั่งมาเกิดโศกนาฏกรรมอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ย่านจตุจักรถล่ม เมื่อวันที่ 28 มี.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งตรวจสอบพบเหล็กเส้น IF ในซากอาคารจำนวนมาก
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า กรณีที่ กมอ.ชุดที่ผ่านๆมาไม่มีการทบทวนการรับรองมาตรฐานเหล็ก IF ทั้งที่พบปัญหามาตลอด รวมถึงมีกรณีปล่อยปละละเลยการควบคุมมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่นๆ จนส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อีกทั้งยังสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรม และระบบเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง เป็นเหตุผลสำคัญที่ในการคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน กมอ.ชุดใหม่ทั้ง 6 รายในครั้งนี้ปราศจากตัวแทนจาก สมอ. ซึ่งถือเป็นขาประจำของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน กมอ. จนถูกมองเป็นการสืบทอดอำนาจ เช่น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน กมอ.ชุดก่อน 6 รายที่หมดวาระไปนั้น มีถึง 3 รายที่เป็นอดีตเลขาธิการ สมอ. จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจส่งผลให้การพิจารณาเกี่ยวกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ของ กมอ.บางครั้งไม่ได้ใช้ดุลยพินิจประกอบข้อมูลและข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบ เนื่องจากเห็นว่าบางเรื่องได้ผ่านการพิจารณาของ กมอ.ชุดก่อนๆ ซึ่งมีอดีตเลขาธิการ สมอ.ที่อาวุโสกว่าร่วมเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน กมอ.พิจารณามาแล้ว หรืออาจเป็นประเด็นความสัมพันธ์ส่วนตัวของบุคลากรที่เติบโตและรับราชการใน สมอ.มาด้วยกันจนเกิดความเกรงใจ ตลอดจนอาจมีเรื่องผลประโยชน์ต่างๆมาเกี่ยวข้อง
ทั้งนี้กฎหมายและระเบียบของ กมอ.กำหนดให้เลขาธิการ สมอ.คนปัจจุบัน ซึ่งเป็นกรรมการ และเลขานุการ กมอ.โดยตำแหน่ง เป็นผู้เสนอวาระ และข้อมูลประกอบการพิจารณาต่อที่ประชุม กมอ. หากมีอดีตเลขาธิการ หรืออดีตบุคลากรจาก สมอ. เข้าร่วมเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน กมอ.อีก อาจส่งผลให้กรอบความคิดจากบุคลากรที่เติบโตมาจาก สมอ. มีอิทธิพลชี้นำและครอบงำแนวทางการทำงาน และดุลยพินิจในการพิจารณาของที่ประชุม กมอ. จนทำให้การพิจารณาไม่ครอบคลุมครบทุกมิติเหมือนที่ผ่านมา
รายงานข่าวแจ้งถึงประวัติของ 6 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน กมอ. ชุดใหม่ว่า ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์การทำงานระดับสูงในสายงานของตัวเองทั้งสิ้น โดยน่าสังเกตว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้มีประสบการณ์ด้านงานวิจัยและเทคโนโลยีนวัตกรรมขั้นสูง อันประกอบด้วย
1.รศ.วีระพงษ์ แพสุวรรณ อดีตปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษาของ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
2.ศ.(วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต อดีตผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวง อว. ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในหารแข่งขันของประเทศ (บพข.)
3.ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลก สาขาเคมีวิเคราะห์ (Analytical Chemistry) ประจำปี 2565 โดย มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา และปีเดียวกันยังได้รับการยกย่องเป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์กายภาพและคณิตศาสตร์อีกด้วย
4.น.ส.พิมพ์นารา จิรานิธิศ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะตัวแทน ส.อ.ท.และตัวแทนผู้ประกอบการเอกชน
5.ดร.สุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ และรักษาการผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (กวทช.) กรรมการบริหารศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC)
6.ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล อดีตปลัดกระทรวง อว. ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (กสว.)
รายงานข่าวจาก กระทรวงอุตสาหกรรม แจ้งว่า การเสนอแต่งตั้ง 6 ผู้ทรงคุณวุฒิใน กมอ. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบุคคลนอกวงการอุตสาหกรรมนั้น ยึดแนวทางการแต่งตั้งชุดปฏิบัติการตรวจการสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม หรือทีมสุดซอย ที่ยกระดับการทำงานตรวจสอบกำกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมให้มีความเข้มข้นมากขึ้น ด้วยการทำงานเชิงรุก และเชิงลึกในทุกมิติ จนได้รับเสียงชื่นชม ทั้งจากในรัฐบาลเอง รวมไปถึงประชาชน และพรรคฝ่ายค้าน ทั้งที่โครงสร้างการทำงานของ ทีมสุดซอย ก็ไม่ได้สลับซับซ้อน หรือมีอำนาจพิเศษแต่อย่างใด มีเพียงการมอบหมาย น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงาน รมว.อุตสาหกรรม เป็นหัวหน้าทีมสุดซอย ทำหน้าที่บูรณาการหน่วยงานต่างๆ ภายในกระทรวงอุตสาหกรรม และประสานความร่วมมือจากหน่วยงานในสังกัดอื่น กระชับอำนาจในการตรวจสอบ ยึดอายัด จับกุม ดำเนินคดี และขยายผล ให้เกิดความรวดเร็ว และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งยังเป็นการแก้ปัญหาที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบอาจจะไม่หลุดจากกรอบความคิดเดิมๆ หรือระบบเก่าๆ รวมถึงไม่มีการประสานความร่วมมือระหว่างกัน ส่งผลให้แต่ละปัญหาหมักหมมเรื้อรังมาเป็นระยะเวลานาน จนบางครั้งผู้รับผิดชอบที่อยู่กับปัญหานั้นๆ เกิดความชาชิน หรือมองเป็นเรื่องปกติ จึงควรเสริมมุมมอง และแนวทางจากภายนอกเข้าไป เพื่อสร้างความแตกต่าง เกิดการแลกเปลี่ยน และปรับกรอบแนวคิด เช่นเดียวกับการเสนอแต่งตั้ง 6 ผู้ทรงคุณวุฒิใน กมอ. ที่หลายรายถือเป็นบุคคลนอกวงการอุตสาหกรรมในครั้งนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี