นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยผลดำเนินงานไตรมาส 1/2568 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 9,831 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 308% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,409 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามกำไรในงวดดังกล่าวคิดเป็นกําไรต่อหุ้น 0.35 บาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทมีกําไรต่อหุ้น 1.10 บาท เนื่องจากจํานวนหุ้นสามัญของบริษัทเพิ่มขึ้นจากการปรับโครงสร้างทุนภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ โดยมี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบิน รวมค่าเช่าเครื่องบินที่คํานวณจากการใช้เครื่องบินที่เกิดขึ้นจริง (Power by the Hour) จํานวน 12,728 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,103 ล้านบาท หรือลดลง 8.0%
ทั้งนี้บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทั้งสิ้น 51,625 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 5,670 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.3% มีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากกิจการขนส่งที่เพิ่มขึ้น 5,116 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.1% เนื่องจากการเพิ่มจํานวนเที่ยวบินและเส้นทางบินที่ให้บริการ เพื่อรองรับปริมาณความต้องการเดินทางของผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทได้กลับมาให้บริการในเส้นทางเพิร์ท โคลัมโบ ออสโล มิลาน บรัสเซลล์ และเปิดเส้นทางบินใหม่ไปยังเมืองโกชิ นอกจากนี้ยังเพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางภูมิภาค ทําให้บริษัทมีเครือข่ายเส้นทางบินให้บริการครอบคลุม 62 จุดบิน ใน 27 ประเทศทั่วโลก
โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 บริษัทมีเครื่องบินที่ใช้ดําเนินงานทั้งสิ้น 78 ลํา และในช่วงไตรมาสที่ 1/2568 บริษัทมีอัตราการใช้ประโยชน์ของเครื่องบินเฉลี่ย 13.7 ชั่วโมง มีจํานวนผู้โดยสารที่ทําการขนส่งรวมทั้งสิ้น 4.33 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.6% มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) เพิ่มขึ้น 3,083 ล้านที่นั่ง-กิโลเมตร (21.1%) และปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 2,549 ล้านคน-กิโลเมตร (20.8%) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) อยู่ที่ 83.3% ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการปรับเครือข่ายเส้นทางบินที่เหมาะสม รวมทั้งการสร้างพันธมิตรผ่านการทํารหัสเที่ยวบินร่วม (Codeshare) รายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วย (รวมค่าธรรมเนียมชดเชยค่าน้ำมันและค่าเบี้ยประกันภัย ไม่รวมค่าน้ำหนักส่วนเกิน) อยู่ที่ 2.91 บาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.3%
ในขณะเดียวกันมีค่าใช้จ่ายรวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3,084 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.8% ตามปริมาณการผลิตและ/หรือปริมาณการขนส่ง จํานวนเที่ยวบิน จุดบิน และผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายจากการดําเนินงานที่เพิ่มขึ้นปัจจัยอื่น เช่น ราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ค่าบริการการบินต่อเที่ยวบินปรับตัวสูงขึ้น และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขายและโฆษณาเพิ่มขึ้นตามการจองบัตรโดยสารที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทและบริษัทย่อยมีกําไรจากการดําเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) เท่ากับ 13,661 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2,586 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.3%
-032
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี