นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยว่า เผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ ใหญ่กว่า 72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 347 ล้านบาท ลดลง 6% จากการปรับโครงสร้างภายในกลุ่มบริษัทโดยการย้ายพนักงานส่วนหนึ่งไปเป็นพนักงานของบริษัทร่วมทุนโดยตรง แต่รายได้จากการดำเนินงานปกติยังเติบโต 3% และการปรับโครงสร้างนี้ยังช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นจาก 46% เป็น 52% ซึ่งส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ของบริษัทฯ
“ ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกเป็นไปตามที่บริษัทฯ ได้ประเมินไว้ โดยปกติแล้วไตรมาสแรกเป็นช่วงเวลาการเตรียม เข้าประมูลงานใหม่ รวมถึงปรับแผนการดำเนินงานและกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปีนี้ที่ ภาคธุรกิจทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเชื่อมั่นว่าแผนการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ยังคงเป็นพันธกิจสำคัญที่องค์กรธุรกิจต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิ ธุรกิจธนาคาร การเงิน ค้าปลีก ประกันภัย และสุขภาพ เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภค และกระแสการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ในอนาคต”
สำหรับผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2568 ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นช่วงการเตรียมเข้าประมูลงานใหม่และผลของ Seasonal Effect ที่ปกติแล้วรายได้ช่วงปลายปีจะเติบโตมากกว่าไตรมาสอื่น จากการเร่งส่งมอบงานตามแผนใช้จ่ายงบประมาณประจำปีของลูกค้า อย่างไรก็ดี บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าผลประกอบการ ในไตรมาส 2 จะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการทยอยส่งมอบงานที่เพิ่มขึ้นตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกอื่น ๆ ที่จะสนับสนุนให้การขยายตัวของบลูบิคเป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งได้แก่ 1) ความชัดเจนเกี่ยวกับโครงการ Virtual Bank 2) การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของตลาดภาครัฐ และ 3) ผลการประมูลงานใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นในแบ็คล็อค (Backlog) นับตั้งแต่ไตรมาส 2 ทั้งนี้ มูลค่างานแบ็คล็อค ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2568 ของบริษัทฯ (รวมแบ็คล็อคของกิจการร่วมทุน) กลับมาเติบโตเพิ่มอยู่ที่ 1,063 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้มากกว่า 866 ล้านบาทในปีนี้ ประกอบด้วยรายได้จากบริษัทแม่และบริษัทย่อยจำนวน 683 ล้านบาท และจากกิจการร่วมทุนจำนวน 183 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 2569 – 2572
- 030
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี