นายสุนทร สถาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด หรือ SHL Group  ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพทั้งโครงการคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม กล่าวว่า “กลุ่มบริษัททรัพย์สถาพร ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2498 โดยเริ่มจากการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับปอ, ข้าว, ข้าวโพด และมันสำปะหลัง รวมถึงการค้าขายไปยังต่างประเทศ จนประสบความสำเร็จ และเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอด 70 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทฯ ได้ยึดมั่นปรัชญาองค์กรที่สืบทอดต่อกันมา ได้แก่ ความซื่อสัตย์, ความพยายามพัฒนาตนเอง และความสามัคคีทํางานเป็นทีม โดยปัจจุบันกลุ่มบริษัททรัพย์สถาพร ถือเป็นองค์กรที่มีความหลากหลาย ปัจจุบันกลุ่มบริษัทมีธุรกิจหลัก 4 ด้าน คือ ธุรกิจส่งออกพืชไร่, ธุรกิจคลังสินค้าและท่าเรือให้เช่า, ธุรกิจพลังงานผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

โดยหนึ่งในความสำเร็จหลักของกลุ่มบริษัททรัพย์สถาพร นั่นคือการขยายธุรกิจสู่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้แบรนด์ บ้านสถาพร ในปี 2534 โดยดำเนินธุรกิจในนาม บริษัท เฉลิมนคร จำกัด มีมูลค่าโครงการกว่า 3,100 ล้านบาท หลังจากนั้นในปี 2559 ได้ Rebranding ด้วยการจัดตั้ง บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด ภายใต้แนวคิด ”Passion for Living Well” เพื่อมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัยด้วยโครงการและการบริหารโครงการที่เน้นการอนุรักษ์พลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจุบัน บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด ได้พัฒนาโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวราบและแนวสูง รวมทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 9,316 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบ จำนวน 5 โครงการ โครงการแนวสูง จำนวน  2 โครงการ ส่งผลให้รวมมูลค่าโครงการทั้งหมดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้วกว่า 12,416 ล้านบาท

นายสุนทร กล่าวว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปี กลุ่มบริษัททรัพย์สถาพร ได้เดินหน้าต่อยอดความสำเร็จ พร้อมประกาศวิสัยทัศน์ในการก้าวสู่ทศวรรษที่ 7 ด้วยแผนที่จะขยายการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ครอบคลุมทั้งแนวราบ-แนวสูง และกิจการ Recurring income รวมไปถึงการขยายงานด้านบริการเป็นธุรกิจต่าง ๆ อาทิ ธุรกิจ Handy Mate รับซ่อมแซม-ตกแต่ง-ต่อเติมที่อยู่อาศัย, ธุรกิจ Sathaporn Connect การหาผู้เช่าและให้เช่าแก่ลูกค้า และปัจจุบันกําลังดำเนินแผนธุรกิจ Renovate ที่อยู่อาศัยในใจกลางเมือง เพื่อพัฒนาเป็นสินค้าใหม่ เป็นต้น

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้มองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อให้สอดรับกับแนวโน้มเมกะเทรนด์โลกเพิ่มเติม เช่น ด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality), พลังงานทดแทน (Renewable Energy) และเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology) โดยมีเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ในการส่งเสริมธรรมาภิบาล และยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานของทุกหน่วยธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

-031