น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ล่าสุดกรมฯได้รับรายงานจาก น.ส.ธนียา ฟูเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย เวียดนาม ถึงการสำรวจตลาดสินค้าอาหารในเวียดนาม โอกาสในการขยายตลาดส่งออกสินค้าอาหาร และช่องทางในการเข้าสู่ตลาดของผู้ประกอบการไทย
โดยทูตพาณิชย์ รายงานว่าตลาดสินค้าอาหารเวียดนาม เป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต เนื่องจากเวียดนามมีประชากรกว่า 100.3 ล้านคน ประชากรอายุ 15-54 ปี คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 62% และผู้บริโภคมีรายได้เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของเศรษฐกิจ ทําให้เวียดนามมีความต้องการผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดอาหารและเครื่องดื่มในปี 2567 มีมูลค่ากว่า 720 ล้านล้านด่ง (ประมาณ 970,533 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 10.92% และเวียดนามยังต้องการผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มออร์แกนิก อาหารเพื่อสุขภาพ และอาหารแปรรูปตามมาตรฐานสากล เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้เวียดนามเป็นประเทศที่มีผลผลิตทางการเกษตรและประมงปริมาณมาก และเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ โดยเฉพาะสินค้าสัตว์น้ำ ผลไม้ มะม่วงหิมพานต์ ข้าว กาแฟ ชา และพริกไทย เป็นต้น และปัจจุบันมีผู้ประกอบการด้านอาหาร 5,100 ราย เพิ่มขึ้น 85% เมื่อเทียบกับปี 2562 มีทั้งบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศและบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุน แต่ก็มีการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยตลาดนำเข้าหลัก คือ อินโดนีเซีย จีน สหรัฐฯ มาเลเซีย และไทย โดยไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 5 และตลาดส่งออกหลัก คือ จีน สหรัฐฯ ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไทย ซึ่งไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 6
“แม้เวียดนามจะเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้าอาหาร แต่ก็มีการนำเข้าสินค้าอาหารจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในนั้น นำเข้าจากไทย ทำให้สินค้าอาหารของไทย ยังมีคงมีโอกาสและมีศักยภาพในการขยายตลาดเวียดนาม เนื่องจากผู้บริโภคเวียดนามนิยมสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าขนม เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ อาหารและเครื่องดื่มออร์แกนิก อาหารเพื่อสุขภาพ และเครื่องปรุงอาหาร เป็นต้น เนื่องจากคุณภาพดีและราคาเหมาะกับรายได้ของคนเวียดนาม”น.ส.สุนันทา กล่าว
อย่างไรก็ตามตลาดสินค้าอาหารเวียดนามมีการแข่งขันสูง เนื่องจากมีผู้ผลิตรายใหญ่หลายราย รวมทั้งสินค้านําเข้าจากประเทศต่างๆ เช่น จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ยุโรป อินโดนีเซีย และมาเลเซีย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และผู้ประกอบการเวียดนามมีแนวโน้มนําเข้าสินค้าอาหารจากสหรัฐฯเพิ่มขึ้น เพื่อลดการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคสําหรับผู้ประกอบการไทยที่จะต้องแข่งขันกับสินค้าที่ผลิตในเวียดนามและสินค้านําเข้าจากประเทศคู่ค้าอื่นๆ
ทั้งนี้กรมฯจึงได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ในเวียดนาม ทำการปรับแผนการทำตลาด ทั้งการสร้างภาพลักษณ์สินค้าอาหารไทยและธุรกิจบริการอาหารไทย เพื่อกระตุ้นการบริโภค เช่น การโปรโมทร้านอาหาร Thai SELECT การจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้า และประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สินค้าไทย ผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ เช่น งาน Mini Thailand Week รวมทั้งกิจกรรม In-store Promotion การส่งเสริมตรา T Mark กับซุปเปอร์มาร์เก็ตและผู้นําเข้า การส่งเสริมสินค้าไทยผ่าน Influencer, Youtuber หรือ Key Opinion Leader (KOL) การจัดเจรจาจับคู่ธุรกิจ และการจัดคณะผู้แทนการค้าสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม และสินค้า BCG ที่เกี่ยวเนื่อง ไปเจรจาการค้า (B2B) ที่เวียดนาม
นอกจากนี้จะต้องจับตาหลังจากเวียดนามและจีนได้มีการลงนามพิธีสารเกี่ยวกับการส่งออกพริก เสาวรส รังนก และรําข้าวไปยังจีน ในระหว่างการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการของนาย สี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีน เมื่อวันที่ 14-15 เมษายน 2568 ที่จะเป็นคู่แข่งของสินค้าไทย โดยปัจจุบันเวียดนามมีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ส่งออกไปยังจีนอย่างเป็นทางการ 14 รายการ ได้แก่ แตงโม มังคุด ทุเรียน กล้วย แก้วมังกร เงาะ มะม่วง ลิ้นจี่ ลําไย ขนุน เสาวรส มันเทศ พริก และเฉาก๊วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี