นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม ได้จัดกิจกรรมเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย อาทิ กิจกรรมเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนและตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ DIPROM x Delta Angel Fund Connect โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้วิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ที่มีแนวคิดหรือสิ่งประดิษฐ์เชิงนวัตกรรม และผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ (Content Creator) ได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน อีกทั้งกิจกรรมเชื่อมโยงเครือข่ายนักธุรกิจรุ่นใหม่ : DIPROM Young SMEs Network รุ่นที่ 2 เพื่อให้นักธุรกิจรุ่นใหม่ และทายาทธุรกิจ ได้พัฒนาทักษะที่จำเป็นในการประกอบธุรกิจ สร้างความสัมพันธ์และเชื่อมโยงจุดเด่น สร้างความเข้มแข็ง และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ
นายดุสิต อนันตรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ท่ามกลางปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ สิ่งสำคัญของการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ คือ “การปรับตัว เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง” โดยดีพร้อม ได้วางแนวทางการดำเนินงานในปี 2568 ด้วยการปฏิรูปการดำเนินงานโฉมใหม่ โดยมองภาพการพัฒนาให้กว้างขึ้น และตอบสนองประเด็นปัญหาเชิงมหภาค รองรับการดึงดูดการลงทุนของกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีศักยภาพ รวมถึงสนับสนุนวิสาหกิจไทย ให้สามารถปรับตัวสู่โลกยุคใหม่ ให้อยู่รอด เดินต่อ และเติบโตสู่สากล
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนและตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ DIPROM x Delta Angel Fund Connect มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้วิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ที่มีแนวคิดหรือสิ่งประดิษฐ์เชิงนวัตกรรม และผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ (Content Creator) มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจ หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่เชิงพาณิชย์ได้ โดยกิจกรรมดังกล่าว เป็นการต่อยอดจากการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร “การพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ด้านการตลาด (Marketing Camp)” ในช่วงเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการบ่มเพาะทักษะทางธุรกิจและการตลาดอย่างเข้มข้น และมีผู้ผ่านการฝึกอบรม จำนวน 50 ทีมเข้าสู่กิจกรรมการนำเสนอโมเดลธุรกิจและกลยุทธ์ด้านการตลาดต่อแหล่งทุน (Pitching Day) รอบที่ 1 ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 27 - 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีทีมที่ผ่านเข้ารอบครั้งนี้ จำนวน 20 ทีม ซึ่งจะเข้าสู่กิจกรรม “Proof Of Concept” (POC) เพื่อชิงเงินรางวัลเป็นทุนสำหรับการต่อยอดทางธุรกิจต่อไป
ขณะที่ “THAIFEX – ANUGA ASIA 2025” มีผู้ประกอบการเข้าร่วมแสดงสินค้าจำนวน 3,231 บริษัท 6,208 คูหา จาก 57 ประเทศทั่วโลก แบ่งเป็นผู้ประกอบการไทย 1,184 ราย และผู้ประกอบการต่างชาติ 2,047 ราย โดยมีผู้เข้าร่วมชมงานรวมทั้งสิ้น 142,370 คน แบ่งเป็นผู้ร่วมเจรจาการค้า 88,349 คน (ชาวต่างชาติ 20,566 คน และชาวไทย 67,783 คน) และประชาชนทั่วไปในวันจำหน่ายปลีกกว่า 54,021 คน ด้านมูลค่าทางเศรษฐกิจ งานสามารถสร้างมูลค่าการค้ารวมสูงถึง 135,678.07 ล้านบาท แบ่งเป็น มูลค่าการซื้อขายในวันเจรจาธุรกิจ 135,450.25 ล้านบาท สั่งซื้อทันที 271.81 ล้านบาท คาดการณ์การสั่งซื้อภายใน 1 ปีอยู่ที่ 135,178.44 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายในวันจำหน่ายปลีก 227.82 ล้านบาท โดยเฉพาะมูลค่าการซื้อขายของผู้ประกอบการไทย คิดเป็นยอดรวม 99,099.28 ล้านบาท ส่วนประเทศที่มีปริมาณการสั่งซื้อสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน ไทย อินเดีย เวียดนาม และญี่ปุ่น ขณะที่โซนสินค้าที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ได้แก่ Fine Food, Food Technology, Drinks, Frozen Food และ Fruits & Vegetables
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี