‘ภูมิธรรม’เผยตั้ง ‘คณะกรรมการเฉพาะกิจ’ดูข้อพิพาทชายไทย-กัมพูชา ย้ำยึดหลักเจรจาสันติ บอกเตรียมมาตรการต่างๆไว้แล้ว ลั่นหากจำเป็นก็ต้อง‘ยกระดับ’ ยัน‘กองทัพ’ไม่แข็งกร้าว เชื่อปลุกระดมรักชาติ ไม่เป็นชนวน‘รัฐประหาร’ ย้ำ‘ไม่มีถนอม’หลังถูกถามเจราจานอบน้อม‘กัมพูชา’มากเกินไป ปัดตอบปม‘หม่อมปลื้ม’มองสัมพันธ์‘ทักษิณ-ฮุน เซน’เป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหา
เมื่อเวลา 11.50 น.วันที่ 6 มิถุนายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอีกครั้งถึงกรณีจะมีการ “ปิดชายแดนไทย–กัมพูชา” หรือไม่ว่า เราพิจารณาทุกมาตรการ ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ทุกอย่างได้เตรียมการไว้พร้อมหมดแล้ว ส่วนจะมีมาตรการห้ามคนไทยข้ามไปบ่อนการพนันฝั่งกัมพูชาหรือไม่นั้น ขณะนี้ไม่สามารถพูดเรื่องเหล่านี้ได้ รอให้เกิดสถานการณ์แต่ละขั้น เราก็หยิบมาตรการมาใช้ได้ ทางกองทัพหน้างานว่าอย่างไร กระทรวงการต่างประเทศยืนยันหลักกฎหมายแล้วว่าอย่างไร ซึ่งวันนี้ได้คุยกับทุกหน่วยงานแล้ว
เมื่อถามว่า ข้อเสนอของไทยให้กัมพูชาถอนกำลังทหารออกไป 200 เมตร ในจุดที่เกิดความขัดแย้ง ทางกัมพูชามีการตอบกลับมาอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้บอกให้เขาถอย แต่บอกให้เขาปรับกำลังเหมือนข้อตกลงปี 2567 ซึ่งขณะนั้นมีกำลังที่มาด้วยกันอยู่แล้วไม่มีปัญหา ก็ให้ปรับกำลังเป็นเช่นนั้น สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นเราให้ใช้วิธีการพูดคุยแบบทวิภาคี และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาแก้ปัญหา
เมื่อถามว่า มีการตั้งหน่วยเฉพาะกิจมาดูแลเรื่องนี้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า มีการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลเรื่องนี้แล้ว ส่วนใครเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ ขอให้รอดูรายละเอียดที่จะออกมา
เมื่อถามว่า มีขั้นตอนจะเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับมาหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทุกขั้นตอนที่ควรจะใช้กับสถานการณ์ต่างๆ ต้องทำงานร่วมกัน 3 ส่วน คือ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพ ซึ่งเราคุยกันตลอดว่าจะดำเนินการทุกมาตรการ และตอนนี้กลไกต่างๆได้วางรายละเอียดแล้ว ที่ผ่านมาก็ทำมาแล้ว แต่วันนี้จะกำหนดให้ชัดเจนขึ้น
เมื่อถามว่า ขณะนี้สังคมออกมาเรียกร้องให้มีมาตรการตอบโต้ออกมาบ้าง แต่วันนี้รัฐบาลยึดหลักการเจรจาจะชี้แจงอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า จริงๆขณะนี้ยังไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างยังปกติ ซึ่งเมื่อวาน (5 มิ.ย.68) การมาเจอและพูดคุยกันของทั้ง 2 กองทัพ เราอยากจะหาทางสันติให้มากที่สุด ในภาวะขณะนี้ทุกฝ่ายไม่อยากให้เกิดสงคราม อยากให้ทำกลไกทวิภาคี หรือ JBC ซึ่งเราใช้มา 20 ปีในการแก้ปัญหาต่างๆก็เป็นประโยชน์มาตลอด แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นเรา และทหารก็มีหน้าที่โดยตรงที่ต้องปกป้องอธิปไตย ก็ไม่ได้วางเฉย ก็พยายามตรึงกำลัง
“ขอย้ำว่า รัฐบาลจะยึดแนวทางสันติวิธี ซึ่งได้ตกลงกันไปแล้วว่าหากวันข้างหน้ามีอะไร เราได้เตรียมการไว้หมดแล้ว ซึ่งเมื่อวาน (5 มิ.ย.68) ที่เราได้คุยกันจะนำไปสู่เงื่อนไขในจุดที่ดี โดยมีการฝากให้แต่ละฝ่ายไปบอกผู้นำประเทศ ซึ่งบรรยากาศที่คุยตนคิดว่าเป็นไปด้วยดี และทุกฝ่ายมีความสบายใจ” นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่า ในเมื่อไทยมีความสัมพันธ์ส่วนตัวทำไมถึงไม่คุยตรงกับผู้นำฝั่งกัมพูชาไปเลย นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องของประเทศชาติ และอธิปไตยของประเทศ ซึ่งก็ต้องคุยกับตัวแทนของประเทศคือรัฐบาล ส่วนการคุยนอกรอบก็ทำอยู่แล้ว เช่น การพูดคุยกันเมื่อวาน (5 มิ.ย.68) ก็เป็นการคุยนอกรอบของตนกับรองนายกฯ และรมว.กลาโหมกัมพูชา ซึ่งทำอยู่ตลอดเวลา ยืนยันว่า เราใช้ทุกกลไก และขอฝากสื่ออยากให้นำเสนอการแก้ปัญหาของประเทศ ถ้าลงในสิ่งที่คลาดเคลื่อนก็จะทำให้เกิดการตอบสนองที่ไม่ดี
นายภูมิธรรม กล่าวด้วยว่า ขณะนี้เรากำลังเดินหน้าไปยังสิ่งที่พึงประสงค์ คือหลีกเลี่ยงการกระทบความสัมพันธ์ เพราะถ้ากระทบจะเป็นบาดแผลที่ลึก และจะทำให้การทำงานยากขึ้น เพราะเรายังต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน ขอให้จำกัดวงแค่ตรงนี้อย่าไปถามเรื่องศาลโลก เพราะเราไม่รับอยู่แล้ว ขออย่าไปเปิดประเด็น เรากำลังแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่แก้ได้ ขอให้ช่วยกันตรงนี้
เมื่อถามว่า ได้วางเงื่อนไขไว้รับมือหรือไม่ หากในการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ ไม่มีการพูดคุยเรื่องข้อพิพาท 4 จุด นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องรอให้มีการประชุมจริงๆก่อน เพราะเราคุยกันแล้วว่าจะคุยอะไร
เมื่อถามว่าความแข็งกร้าวของกองทัพบก จะเป็นชนวนในการรัฐประหารหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า กองทัพบกมีหน้าที่ต้องทำของตนอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่ขัดแย้งกับรัฐบาล รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการรักษาประเทศ รักษาอธิปไตยก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ในยุคบิ๊กอ้วนจะไม่กังวลว่าจะมีการทำรัฐประหารใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบกลับว่า ไม่มีสัญญาณเลย คุยกันดีมาตลอด สำหรับปลุกระดมเรื่องความรักชาติ นายภูมิธรรมกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขอให้ช่วยกันทำให้เห็นว่าการไม่เกิดสงครามเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ถ้าเราไปปลุกกับเขาด้วยก็จะยิ่งมีปัญหา
นอกจากนี้ ยังมีการวิเคราะห์ถึงท่าทีของการแถลงของประเทศไทย ว่าดูมีความนอบน้อมกว่าประเทศกัมพูชา ที่มีความแข็งกร้าว นายภูมิธรรม ตอบกลับว่า อย่ามองว่าเป็นการนอบน้อม อย่างวานนี้ มีคนบอกว่าตนเดินทางไปกัมพูชา ไปเป็นข้าของเขามันไม่จริง เพราะเมื่อวานนี้เค้าก็มาหาเราถึงที่ทำไมถึงไม่บอกบ้างว่าเขานอบน้อมเรา ขออย่าไปดูอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะตนมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ มีความเกี่ยวข้องกับประเทศชาติ ถ้าเราไปมองจุกจิกแต่กับเรื่องเล็ก ๆ เรื่องใหญ่มันจะไม่ได้ และกลายเป็นความขัดแย้ง
ส่วนเรื่องการนอบน้อม นายภูมิธรรม ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า เป็นในสายตาใคร เพราะในทางการทูตก็ถือว่าใช้ได้แล้ว ทัศนคติของแต่ละคนก็ต่างกัน พร้อมย้ำว่า “ ไม่ถนอมเลย ไม่ถนอม ไม่ถนอม”
นอกจากนี้ นายภูมิธรรม ยังกล่าวว่า ท่านต้องคิดบวก ต้องแบ่งเรื่องดังกล่าวเป็น 2 เรื่อง คือการปกป้องอธิปไตย และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ขณะนี้โลกมีปัญหาเยอะ เราก็ต้องมีความสัมพันธ์ในการแก้ไขปัญหาหลายอย่าง ตอนนี้คิดเรื่องเดียวไม่ได้
อย่างไรก็ตาม นายภูมิธรรม ไม่ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ที่ถามว่าหม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือหม่อมปลื้ม เคยกล่าวว่า ความสัมพันธ์ของนายทักษิณ ชินวัตร กับ พล.อ.ฮุน เซน เป็นจุดอ่อนของการแก้ไขปัญหาระหว่างไทยและกัมพูชาในครั้งนี้ ก่อนจะขึ้นรถกลับออกไป
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี