นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้า
และโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุดได้รับรายงานจากนางสาวบูชิตา อินทรทัศน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองชิงต่าว สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงการปรับนโยบายเศรษฐกิจ เป้าหมายการดำเนินงานของมณฑลเฮยหลงเจียงประจำปี 2568 และโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการเพิ่มความร่วมมือด้านการเกษตร ประมง และความร่วมมือทางเศรษฐกิจอื่น ๆ กับมณฑลเฮยหลงเจียง
โดยทูตพาณิชย์ได้รายงานว่า จากการติดตามผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจของมณฑลเฮยหลงเจียง ในปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่า โดยทั่วไปมีเสถียรภาพ มั่นคง ก้าวหน้าและมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ภาพรวมผลผลิตทางการเกษตรเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผลผลิตธัญพืชบรรลุเป้าหมาย ภาคอุตสาหกรรมมีความกดดัน ภาคบริการ มีความมั่นคง เศรษฐกิจน้ำแข็งและหิมะมีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมาก ตลาดการบริโภคสินค้ายังคงเติบโต ศักยภาพการบริโภคมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ด้านการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเติบโตอย่างรวดเร็วการค้าระหว่างประเทศมีทิศทางที่สดใส รายได้ของประชากรดีขึ้น
ส่วนในปี 2568 มณฑลเฮยหลงเจียง ได้เดินหน้าปรับแผนงานด้านเศรษฐกิจ โดยมีแผนมุ่งกระตุ้นการบริโภคภายในมณฑล ปรับปรุงประสิทธิภาพการลงทุนและดึงดูดการลงทุน มุ่งเป็นผู้นำการผลิตด้วยนวัตกรรม เร่งพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่ ส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมปฏิรูประบบเศรษฐกิจ รวมถึงปรับปรุงสถาบันและกลไกที่เอื้อต่อการส่งเสริมการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง ขยายการเปิดสู่โลกภายนอกในระดับสูง ยกระดับ Belt and Road Initiative มีส่วนร่วมในการก่อสร้างระเบียงเศรษฐกิจจีน–มองโกเลียและรัสเซีย ส่งเสริมการขยายตัวของเมืองรูปแบบใหม่ และการฟื้นฟูชนบทส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมสู่การเปลี่ยนแปลงสีเขียว และปกป้องและปรับปรุงความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ มณฑลเฮยหลงเจียงตั้งอยู่ตอนเหนือสุดของประเทศจีน ประกอบไปด้วย 13 เมือง ได้แก่ ฮาร์บิน ต้าชิ่ง ฉีฉีฮาร์เออร์ สุยฮว้า หมู่ตานเจียง เจียมู้ซือ เฮยเหอ จีซี ซวงยาซาน เฮ้อก่าง อีชุน ชีถายเหอ และเขตต้าซิงอานหลิง ทิศเหนือและทิศตะวันออกติดประเทศรัสเซีย เป็นประตูสู่ยูเรเซีย และยังเป็นแหล่งผลิตธัญพืชที่สำคัญอันดับ 1 ของจีน รัฐบาลจึงให้ความสำคัญต่อการเร่งการพัฒนาเกษตรสมัยใหม่ เพื่อสร้างฐานการผลิตสินค้าและอาหารที่สำคัญของประเทศที่แข็งแกร่ง อาทิ เสริมสร้างความสามารถในการผลิตอาหารอย่างครบวงจร เสริมสร้างเทคโนโลยีและอุปกรณ์การเกษตร พัฒนาเกษตรอัจฉริยะอย่างจริงจัง สร้างฐานสาธิตเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ สร้างฟาร์มอัจฉริยะไร้คนขับ พัฒนาการเกษตรหมุนเวียนอย่างจริงจัง เป็นต้น
“จากการปรับนโยบายเศรษฐกิจของมณฑลเฮยหลงเจียงดังกล่าว ไทยสามารถทำความร่วมมือแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาการเกษตรอัจฉริยะ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับการเกษตรของไทยให้ผลผลิตมีความมั่นคงและแม่นยำยิ่งขึ้น และมณฑลเฮยหลงเจียง ยังมีเป้าหมายการเปิดตลาดการค้าการลงทุนกับต่างประเทศ อาทิ สหภาพยุโรป อเมริกาใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการขยายการนำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ถือว่าเป็นอีกโอกาสที่ไทยจะได้มีความร่วมมือทางการค้ากับมณฑลเฮยหลงเจียงมากยิ่งขึ้น”นางสาวสุนันทากล่าว
ปัจจุบันไทย สินค้าสำคัญที่มณฑลเฮยหลงเจียงนำเข้าจากไทยในปี 2567 ได้แก่ สตาร์ชและอินูลิน ข้าว แก้วและเครื่องแก้ว ผลิตภัณฑ์เภสัชกรรม และพืชผักตระกูลถั่ว แห้งและเอาเปลือกออก เป็นต้น
-031
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี