“พิชัย” กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน "BCCT Dinner Presentation" ชี้ไทยมีศักยภาพและความพร้อมรองรับการขยายตัว มุ่งอำนวยความสะดวกและขยายโอกาสการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เน้นการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้นระหว่างกัน และการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจ เพื่อยกระดับสู่การเจรจา FTA ระหว่างกันในอนาคต
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนได้รับเชิญให้กล่าวปาฐกาพิเศษในงาน "BCCT Dinner Presentation" เมื่อช่วงค่ำวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรม St. Regis กรุงเทพฯ โดยมีประธานและสมาชิกสภาหอการค้าอังกฤษ ผู้แทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และผู้บริหารบริษัทเอกชนชั้นนำของไทยและต่างประเทศ ทั้งรายที่มีการลงทุนในไทยและรายที่มีความสนใจขยายการลงทุนกว่า 30 บริษัท เข้าร่วมในงาน
โดยโอกาสนี้ตนได้เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งระหว่างกัน โดยสหราชอาณาจักร ถือเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย รวมทั้งเป็นนักลงทุนรายสำคัญของไทยมาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง โดยรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทวิภาคีกับสหราชอาณาจักร และมั่นใจว่าการขับเคลื่อนความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้น (Enhanced Trade Partnership: ETP) ซึ่งมีกิจกรรมความร่วมมือทางเศรษฐกิจครอบคลุมสาขาที่ 2 ฝ่ายมีศักยภาพ และทรัพยากรที่ส่งเสริมกัน เช่น การเกษตร อาหารและเครื่องดื่ม ดิจิทัล ยานยนต์ มาตรฐาน การท่องเที่ยว และสุขภาพ จะเป็นเครื่องมือหลักในการกระชับความสัมพันธ์ ลดอุปสรรคทางการค้า อำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการดำเนินธุรกิจ โดยสาขายานยนต์และมาตรฐานมีความคืบหน้าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้การเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่แน่นแฟ้นดังกล่าว รวมทั้งแรงสนับสนุนและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคธุรกิจของสหราชอาณาจักร จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการยกระดับสู่การเจรจาจัดทำ FTA ระหว่างกันในอนาคต ซึ่งตนได้มีโอกาสพบกับ นายโจนาธาน เรย์โนลด์ส รัฐมนตรีการค้าของอังกฤษ ในเวทีการประชุม OECD ที่กรุงปารีส ก็ได้เน้นย้ำถึงเป้าหมายการเจรจา FTA ระหว่างทั้ง 2 ประเทศให้มีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น ซึ่งเป็นแนวนโยบายที่รัฐบาลไทยผลักดันและให้ความสำคัญกับการทูตพาณิชย์เชิงรุก
โดยเศรษฐกิจไทยภายใต้รัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งภาคการลงทุนและการส่งออกโดยการส่งออกในรัฐบาลชุดนี้ขยายตัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 12.5% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ด้านการลงทุนเห็นว่า ไทยมีศักยภาพและความมั่นคงด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งมีบรรยากาศการลงทุนที่ดี จึงมีความพร้อมรองรับการขยายการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสดีที่นักธุรกิจสหราชอาณาจักรจะเข้ามาลงทุนและขยายฐานการผลิตในไทย โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น PCB (แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์) AI เซมิคอนดักเตอร์ และระบบจัดเก็บข้อมูล (Data Center) โดยล่าสุดบริษัท Tiktok ได้ประกาศแผนการลงทุนในไทย มูลค่า 8.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ไทยยินดีอำนวยความสะดวกและแก้ไขปัญหาให้แก่นักลงทุนสหราชอาณาจักรที่เข้ามาประกอบธุรกิจในไทย
นายพิชัย กล่าวว่า ในการนี้ตนยังได้เปิดเผยถึงความสำเร็จของรัฐบาลในการสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้กับผู้ประกอบการ ผ่านการเร่งสร้างพันมิตรรายใหม่ด้วยการเจรจาจัดทำ FTA เช่น FTA ไทย- สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (เอฟตา) ที่สรุปผลและลงนามไปเมื่อต้นปีนี้ และอยู่ระหว่างการเจรจาจัดทำ FTA กับอีกหลายประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีมาตรฐานสูงในการจัดทำ FTA เช่น สหภาพยุโรป (EU) ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าในทิศทางบวกและเป็นที่น่าพอใจ โดยทั้ง 2 ฝ่ายมีความมุ่งมั่นที่จะสรุปผลการเจรจาให้ได้ภายในปี 2568 นี้
ทั้งนี้ในปี 2567 ที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรเป็นคู่ค้าอันดับ 22 ของไทยในตลาดโลก และเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทยในภูมิภาคยุโรป (รองจากเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์) มีมูลค่าการค้ารวมระหว่างกัน 6,657.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยไทยได้เปรียบดุลการค้า 1,734.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีมูลค่าการส่งออก 4,195.66 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น ไก่แปรรูป เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกลอัญมณีและเครื่องประดับ และรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขณะที่มีมูลค่าการนำเข้ารวม 2,461.60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ การแพทย์ เครื่องดื่มประเภทน้ำแร่ น้ำอัดลมและสุรา และสินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์
-033
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี