ใกล้คลอด พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ตั้งสภาองค์กรผู้บริโภค ในฐานะผู้แทนผู้บริโภคเป็นกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม เปรียบเทียบตั๋วร่วมต่างประเทศ ใช้ตั๋วใบเดียวทั้งระบบขนส่งสาธารณะทุกระบบ สนข.ระบุใช้ตั๋วใบเดียว ราคาเดียว หากเชื่อมต่อ รถ ราง เรือครบสมบูรณ์
ความความคืบหน้าการผลักดันนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย หลังจากรัฐบาลประกาศ ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" เปิดให้ลงทะเบียนเดือนสิงหาคม 2568 โดยล่าสุด พ.ร.บ. ตั๋วร่วม หลังผ่านการพิจารณาวาระ 1 ของกรรมาธิการวิสามัญฯ มีหลายมาตราได้ถูกปรับให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาทิ มาตรา 5 กำหนดให้ประธานสภาองค์กรของผู้บริโภคเป็นผู้แทนผู้บริโภคในฐานะคณะกรรมการนโยบายตั๋วร่วม หรือมาตรา 31 ที่กำหนดให้ต้องมีค่าโดยสารร่วมครอบคลุมบริการขนส่งสาธารณะ หรือมาตรา 37 ที่กำหนดให้มีกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วมเพื่อช่วยเหลือผู้โดยสารและผู้ประกอบการในระบบตั๋วร่วม
นายจิรโรจน์ ศุกลรัตน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข ) กล่าวว่า การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการวาระ 2 โดยเนื้อหาสำคัญของ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมคือ กำหนดให้มีตั๋วร่วม และค่าโดยสารร่วม และมีโครงสร้างบริหารจัดการ กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม ซึ่งจะมีตัวแทนของผู้บริโภค คือ ประธานสภาองค์กรของผู้บริโภค เป็นคณะกรรมการ เพื่อเป็นเสียงสะท้อนของผู้บริโภคในการใช้บริการ
นอกจากนี้สาระสำคัญของ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมประกอบด้วย 5 ประการ คือ 1.การจัดทำมาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วมเพื่อให้เป็นมาตรฐานกลางสำหรับตั๋วร่วมในอนาคต
2.กำหนดอัตราโดยสารร่วม ให้หน่วยงานของรัฐจะต้องนำอัตราค่าโดยสารร่วมไปใช้บังคับในการทำสัญญาสัมปทานขนส่งสาธารณะในอนาคต
3.จัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม รวมทั้งให้กู้ยืมแก่ภาคเอกชนที่ประกอบกิจการตั๋วร่วม
4.ผู้ประกอบการที่จะมีสิทธิ์ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายฉบับนี้
5.ในกรณีมีความจำเป็นให้ตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการประกอบกิจการขนส่งสาธารณะใดเป็นกิจการที่ต้องใช้ระบบตั๋วร่วม และต้องได้ใบรับอนุญาตตามกฎหมายฉบับนี้ เพื่อรักษาการให้บริการระบบตั๋วร่วม
ทั้งนี้เชื่อว่ากฎหมายตั๋วร่วมจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบขนส่งสาธารณะของไทย โดยหากเทียบการใช้ระบบตั๋วร่วมกับต่างประเทศ ไทยใช้ระบบเดียวกับ ลอนดอน ที่กฎหมายตั๋วร่วมใช้กับรถขนส่งสาธารณะทุกประเทศ โดยในประเทศไทยหากสร้างระบบขนส่งเชื่อมต่อทุกระบบเรียบร้อยแล้วจะใช้เป็นระบบตั๋วใบเดียว และราคาเดียวเช่นกัน
ส่วนระบบของประเทศอื่นๆ มีการใช้ตั๋วร่วมหลากหลาย เช่น บัตร suica ของญี่ปุ่น บัตร easycard ของไต้หวัน บัตร Octopus ฮ่องกง บัตร Oyster Card อังกฤษ บัตร T-MONEY เกาหลีใต้ และ บัตร EZ LINK สิงคโปร์ ซึ่งจุดเด่นของระบบตั๋วร่วมประเภทนี้ คือ ผู้บริโภคสามารถใช้จ่ายค่าบริการขนส่งสาธารณะ อาทิ รถเมล์ รถไฟฟ้า เรือโดยสาร และยังและยังสามารถใช้ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคตามร้านสะดวกซื้อต่างๆได้ โดยรวมทุกอย่างไว้ในระบบตั๋วร่วมใบเดียวใช้ได้ทุกระบบขนส่งสาธารณะ
ด้าน นางสุภาพร ถิ่นวัฒนากูล รองเลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภคสนับสนุนนโยบายระบบตั๋วร่วมเพราะเชื่อว่าจะช่วยยกระดับระบบขนส่งสาธารณะของไทยให้ได้ขึ้น โดยเห็นว่า สาระสำคัญที่ผู้บริโภคอยากเห็นมี 5 เรื่องสำคัญของ พ.ร.บ.ระบบตั๋วร่วม 1) มีประธานสภาองค์กรของผู้บริโภคในฐานะผู้แทนผู้บริโภคเป็นกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม2) ระบบตั๋วร่วมครอบคลุมการเดินทางทางถนน ทางราง และทางน้ำในฐานะขนส่งสาธารณะ 3) ผู้ให้บริการต้องรับฟังและจัดการแก้ไขเรื่องร้องเรียนจากผู้ใช้บริการระบบตั๋วร่วม4) ค่าโดยสารร่วมใช้ได้กับระบบขนส่งสาธารณะทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด 5) มีกองทุนสนับสนุนตั๋วร่วมเพื่อช่วยเหลือทั้งผู้โดยสารและผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี