นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงบรรยากาศการลงทุนของต่างชาติในไทยว่า “นักลงทุนชาวต่างชาติยังคงมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยที่มีระบบโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีที่ทันสมัยรองรับการเข้ามาประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งช่วยยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของนักธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศ โดย 5 เดือนแรก (มกราคม - พฤษภาคม) ปี 2568 ต่างชาตินำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทยแตะ 9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จำนวน 17,241 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24% (มกราคม - พฤษภาคม 2568 ลงทุน 88,943 ล้านบาท / มกราคม - พฤษภาคม 2567 ลงทุน 71,702 ล้านบาท)
สำหรับข้อกังวลว่านโยบายการปราบปรามธุรกิจนอมินีอย่างเข้มงวดของรัฐบาลจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนของชาวต่างชาติในประเทศ กรมฯ ขอยืนยันว่า นโยบายฯ ดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการลงทุนของชาวต่างชาติในไทย แต่จะเป็นแรงหนุนสำคัญในการกระตุ้นให้นักธุรกิจต่างชาติยิ่งสนใจเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น เพราะมั่นใจในระบบบริหารจัดการของรัฐบาลในการปราบปรามธุรกิจสีเทาที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบธุรกิจด้วยความสุจริต ขจัดผลกระทบด้านลบที่เกิดจากแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่มีความโปร่งใส เป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการลงทุน และช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งนโยบายการปราบปรามฯ ดังกล่าวส่งผลดีต่อการเชิญชวนนักลงทุนชาวต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย
อธิบดีอรมน กล่าวต่อว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีการดำเนินงานเพื่อสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการอำนวยความสะดวกแก่ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยให้เหมาะสมกับสภาพการค้า การลงทุน และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา พร้อมรักษาความมั่นคงของเศรษฐกิจในประเทศควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมา กรมฯ ได้มีการพัฒนาระบบการให้บริการแก่นักลงทุนชาวต่างชาติ โดยเปิดให้บริการออนไลน์ยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว หรือ e-Foreign Business ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 ครอบคลุมทุกกระบวนงานที่เกี่ยวข้องกับการยื่นขออนุญาต (end-to-end) ตั้งแต่ขั้นตอนการยื่นคำขอรับใบอนุญาต/หนังสือรับรองการประกอบธุรกิจ การชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) การออกใบอนุญาต/หนังสือรับรองแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Foreign Business License / e-Foreign Certificate) ผ่านช่องทางออนไลน์ และผู้รับบริการสามารถดาวน์โหลดใบอนุญาต/หนังสือรับรองการประกอบธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทันที ทำให้การขออนุญาตประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย โดยหลังจากเปิดให้บริการระบบฯ ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้บริการเป็นอย่างดี มีการยื่นคำขอผ่านระบบฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเกือบครบ 100% แทนที่การใช้บริการแบบ Walk In
นอกจากนี้ กรมฯ ได้ดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลระเบียบข้อบังคับ และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับประกอบธุรกิจภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ในเว็บไซต์ www.dbd.go.th สำหรับให้นักลงทุนและผู้เกี่ยวข้องทราบถึงข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับจดทะเบียนธุรกิจต่างด้าวในไทยอันเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ รวมถึงที่ผ่านมา กรมฯ ได้เชิญสถานทูต หน่วยงานระหว่างประเทศ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม Thailand’s Foreign Business Act, Update on Revision and Introduction of e-Foreign Business Service เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องกฎหมายอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย สร้างความเข้าใจ ความตระหนักรู้ และเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องให้กับนักลงทุนต่างชาติเพื่อประกอบธุรกิจในประเทศไทยได้อย่างถูกต้อง และมีธรรมาภิบาล รวมทั้ง ขอความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์การขออนุญาตที่ถูกต้องให้กับนักลงทุนต่างชาติในการประกอบธุรกิจ โดยประเทศไทยพร้อมต้อนรับนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาประกอบธุรกิจในไทย ขอเชิญชวนให้เข้ามาลงทุนอย่างถูกต้องตามกฎหมายของไทย โดยกรมฯ พร้อมอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนชาวต่างชาติอย่างเต็มที่” อธิบดีอรมน กล่าวทิ้งท้าย
-032
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี